จักรยานยนต์ซิ่งเสี่ยงตาย ขึ้นสะพานภูมิพลหนีรถติด

(รายงาน) จักรยานยนต์ซิ่งเสี่ยงตาย ขึ้นสะพานภูมิพลหนีรถติด
“ก็รู้ว่ามันเสี่ยง ขึ้นมาบนสะพานภูมิพลโอกาสเกิดอุบัติเหตุมีสูงอยู่แล้วเพราะลมแรง และรถที่ใช้เส้นทางก็เป็นรถใหญ่วิ่งด้วยความเร็วสูงบ่อยครั้งเกิดแรงปะทะจนรถเซหวิดเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง แต่ทำอย่างไรได้เพราะหากใช้พื้นล่างต้องอ้อมไปทางย่านพระราม 3 ซึ่งรถติดมาก แต่หลังจากเกิดเหตุตำรวจขี่บิ๊กไบค์ขึ้นสะพานแล้วเกิดอุบัติจนแฟนสาวที่ซ้อนท้ายมาด้วยเสียชีวิตทำให้กลัวและหันมาใช้บริการเรือข้ามฝากครั้งแรกในชีวิต” น.ส.นฤมล สุขสุภา ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่สัญจรผ่านสะพานภูมิพล บอก
ไม่ต่างจากนายชาติชาย มีสุขดี พนักงานเก็บขยะกรุงเทพมหานคร วัย 52 ปี ที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งขี่จักรยานยนต์ข้ามสะพานภูมิพล เป็นประจำทุกวัน ยอมรับว่า เบื่อปัญหารถติดบนถนนพื้นราบออกจากบ้านแต่ละทีต้องผ่านหลายแยก ติดไปแดงแล้วไฟแดงอีก จึงเลือกที่จะใช้สะพานภูมิพลเป็นหลัก
“ใช้สะพานภูมิพลรู้ดีว่าเสี่ยงอยู่แล้วเพราะสูงมากลมข้างบนก็แรง ผมรู้ดีเกิดอุบัติเหตุก็คงไม่มีใครมารับผิดชอบ” นายชาติชาย บอก
ปัญหารถติดในพื้นราบ เป็นเหตุผลลำดับต้นๆ ที่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ใช้เป็นข้ออ้างในการขับขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นสะพานภูมิพล ซึ่งมีประกาศห้ามจากพนักงานจราจรห้ามไม่ให้รถจักรยานยนต์ใช้สะพานแห่งนี้ เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ แต่แม้จะมีคำสั่งนี้ออกมาบังคับใช้ก็ยังพบว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์จำนวนไม่น้อยยังคงฝ่าฝืน บางรายนอกจากใช้สะพานที่ห้ามแล้วยังมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนกฎจราจรในข้ออื่นโดยเฉพาะการขับขี่ย้อนศร ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุยิ่งกว่า
พ.ต.อ.ภูมินทร์ สิงหสุต ผกก.สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ ยอมรับว่า แม้จะมีข้อห้ามไม่ให้รถจักรยานยนต์ขึ้นสะพาน แต่ที่ผ่านมาพบว่ามีผู้แอบลักลอบใช้เส้นทางดังกล่าวเป็นประจำและก่อให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งถึงขั้นเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ทราบดีว่า ฝั่งทางลงสุขสวัสดิ์จะมีตำรวจตั้งด่านอยู่จึงจอดรอบนสะพานจนกว่าตำรวจจะเลิกตั้งด่าน ซึ่งจะเข้มงวดมากขึ้นโดยจะเปลี่ยนการตั้งด่านจากฝั่งขาลงเป็นทางขึ้นสะพานแทน
“ฝ่าฝืนกฎหมายกันมากทั้งที่ตำรวจพยายามกวดขันที่ทำไปก็เพราะต้องการลดอุบัติเหตุเพราะยอดการเกิดอุบัติเหตุในกลุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์ขึ้นสะพานภูมิพลจะมีเฉลี่ยราว 10 ครั้งต่อเดือน ซึ่งลักษณะการเกิดอุบัติเหตุจะค่อนข้างรุนแรงมีบ่อยครั้งที่เสียชีวิต ทั้งที่ผู้ขับขี่ก็รู้ดีว่ามันอันตราย แต่ก็ยังฝ่าฝืนแม้จะมีป้ายบอกชัดเจนแล้วว่าห้ามจักรยานยนต์ใช้สะพาน บางรายนอกจากขึ้นสะพานแล้วยังขับขี่ย้อนศร” พ.ต.อ.ภูมินทร์ กล่าว
ข้อห้ามรถจักรยานยนต์ขึ้นสะพานภูมิพลมีมาตั้งแต่เริ่มเปิดใช้สะพานในปี 2549 โดยสำนักก่อสร้างสะพาน กรมทางหลวงชนบท เพราะสะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 เป็นสะพานที่ก่อสร้างข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในบริเวณที่มีเรือเดินทะเลขนาดใหญ่มาขนถ่ายสินค้า ซึ่งสามารถเชื่อมกับถนนทางหลวงหมายเลข 9 หรือ ถนนกาญจนาภิเษก ใช้เลี่ยงถนนในตัวเมืองได้ทุกทิศทาง จึงก่อสร้างให้สูงจากพื้นดิน 50 เมตร ส่งผลให้บนสะพานมีกระแสลมพัดแรงเพราะอิทธิพลของลมทะเลเนื่องจากอยู่ใกล้ทะเลอ่าวไทย อีกทั้งมีรถยนต์ขนาดใหญ่ใช้ความเร็วสูง หากนำรถจักรยานยนต์ซึ่งมีน้ำหนักเบาไปวิ่งจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุพลัดตกสะพานได้เพราะแรงลมเสียดทานที่จะโหมเข้าหารอบทิศทาง
แต่แม้จะมีข้อห้ามดังกล่าวยังคงมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าฝืนขึ้นไปใช้สะพานภูมิพลไม่น้อยกว่า 3,000 คันต่อวัน จึงมีการแก้ปัญหาโดยการรณรงค์ให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์หันไปใช้บริการเรือข้ามฝากซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ท่าเรือข้ามฟากระหว่าง ท่าเรือลัดโพธิ์ อำเภอพระประแดง จ.สมุทรปราการ กับ สะพานพระราม 3 กรุงเทมหานคร ใต้สะพานภูมิพล 1 จึงกลายเป็นทางเลือกของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ แต่ต้องแลกกับการยอมจ่ายค่าบริการเรือข้ามฝั่งครั้งละ 10 บาท
นายสุธีย์ สุภาพร กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัดทรัพย์ธนนครเรือข้ามฟาก ซึ่งให้บริการเรือข้ามฝากจุดใต้สะพานภูมิพล 1 ให้ข้อมูลว่า หากตำรวจมีการตั้งด่านสกัดจับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บนสะพานภูมิพล จะมีผู้ใช้บริการเรือข้ามฝากมากกว่าปกติ แต่หากไม่เข้มงวดจำนวนผู้ใช้บริการจะลดน้อยลง
“ผู้ขับขี่จักรยานยนต์ที่มาใช้บริการเรือข้ามฝากจะมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย หรือไม่ก็จะเป็นผู้ปกครองที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งบุตรหลานไปโรงเรียน ซึ่งเท่าที่สอบถามคนเหล่านี้ต้องการความปลอดภัยไม่อยากเสี่ยงกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นหากนำรถจักรยานยนต์ไปวิ่งบนสะพาน ในช่วงที่ตำรวจเข้มงวดจะมีผู้ใช้บริการเรือข้ามฝากกว่า 3,000 ราย แต่หากไม่มีการเข้มงวดจะมีผู้ใช้บริการเรือข้ามฝากไม่เกิน 2,000 คัน” นายสุธีย์ กล่าว
แต่ด้วยเหตุผลที่เรือข้ามฝากเปิดให้บริการไม่เต็มวันให้บริการระหว่างเวลา 06.00 น.-19.00 น. ทำให้ผู้ขับขี่บางรายใช้เป็นข้ออ้างในความไม่สะดวก โดยอ้างว่าหากจำเป็นต้องเดินทางในช่วงเวลานอกเหนือจากนี้ไม่รู้จะเลือกใช้เส้นทางไหนเพราะหากไม่ใช่สะพานภูมิพลก็ต้องไปใช้พื้นราบอ้อมไปทางถนนพระราม 3 ซึ่งเสียเวลาเพราะระยะทางจะไกลกว่ามาก
"อยากให้เรือข้ามฟากเปิดดึกกว่านี้เพราะบางทีเลิกงานดึกมันก็ต้องหันมาใช้สะพานภูมิพลบ้าง ปกติเขากำหนดเวลาเปิดปิด 6.00 น. ถึงแค่ 19.00 น.แล้วนอกเหนือเวลานั้นจะให้ผมทำอย่างไร ใช้พื้นราบมันก่อเสี่ยงเหมือนกันรถมันเยอะ” ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ วัยกลางคน บอก
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งกับรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่ขึ้นสะพานข้ามแยกและอุโมงค์ข้ามแยกอื่นๆ นำมาสู่คำสั่งเจ้าพนักงานจราจรห้ามไม่ให้รถจักรยานยนต์ขึ้นสะพานและลงอุโมงค์ แต่ทันทีที่คำสั่งนี้ถูกนำมาทดลองใช้และตำรวจมีการเข้มงวดกวดขันในการจับกุมผู้ฝ่าฝืน นำมาสู่การเรียกร้อง สิทธิ์ของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บางส่วน โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญากรรมพร้อมด้วยกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์กว่า 300 คัน ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กรมทางหลวง และกรุงเทพมหานคร เพิกถอนคำสั่งห้ามไม่ให้รถจักรยานยนต์ขึ้นสะพานและลงอุโมงค์ กว่า 45 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งสะพานภูมิพลเป็นหนึ่งในนั้น




