แกะรอยจากวงจรปิด ไขคดีศพคลองโอ่งอ่าง

แกะรอยจากวงจรปิด ไขคดีศพคลองโอ่งอ่าง

แกะรอยจากวงจรปิด ไขคดีศพคลองโอ่งอ่าง

การพบศพชาวต่างชาติถูกยัดอยู่ในกระเป๋าลอยอยู่ในคลองโอ่งอ่าง ใกล้แยกสำราญราษฎร์ เขตพระนคร เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมาเป็นคดีสะเทือนขวัญบั่นทอนความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้ทั้งคนไทยและต่างชาติ ส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในช่วงใกล้สงกรานต์เทศกาลสำคัญของไทย

พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบช.น.ซึ่งกำกับดูแลงานด้านสืบสวน ระดมกำลังนักสืบในสังกัดประกอบด้วย พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผกก.สส.บก.น.6 พ.ต.ต.จักริน พิริยะ จิตตะ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมทีมงานประสาน พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม.ที่มอบหมายให้ พ.ต.อ.ชยวุฒิ จันทร์สมบูรณ์ ผกก.1บก.สส.สตม.พ.ต.อ.ทิฆัมพร ศรีสังข์ ผกก.บก.สส.สตม. และ ร.ต.ท.กิตติพันธ์ เอี่ยมจรูญ รองสว.กก.สส.สตม. เร่งติดตามหาเบาะแสของคนตายเพื่อเร่งคลี่คลายคดี

การสืบสวนเริ่มต้นจากการรวบรวมพยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ เพื่อหาที่มาของผู้ตาย พบว่า มีกระเป๋า ยี่ห้อ PODIUM เป็นกระเป๋าที่ใช้ใส่ผู้ตายซึ่งเชื่อว่าจุดทิ้งศพ ไม่น่าไกลจากจุดพบศพ และผลการชันสูตรศพพบว่าผู้ตายไม่น่าจะถูกฆาตกรรม แต่น่าจะเสียชีวิตจากภาชนะที่บรรจุยาไอซ์ซึมออกมาจากพลาสติกใสที่ห่อหุ้มเข้าสู่ร่างกายผู้ตายจำนวนมาก เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และน่าจะถูกแก๊งค้ายาเสพติดนำศพใส่กระเป๋าแล้วนำมาทิ้งคลองโอ่งอ่าง

ตำรวจตรวจสอบแหล่งที่มาของกระเป๋า ยี่ห้อ PODIUM เพื่อหาผู้ซื้อมาใช้บรรจุศพแล้วนำไปทิ้ง โดยได้สอบถามเซลล์ผู้ขายกระเป๋ายี่ห้อ PODIUM พบว่าในละแวกนั้นมีการส่งขายอยู่เพียงร้านเดียวคือ ร้านบางกอกแฟชั่นส์ เมื่อเข้าไปสอบถามกับเจ้าของร้านคือนายสัตนาม ซิงค์ ทราบว่า ในวันที่ 1 เม.ย.2559 เวลาประมาณ 19.00 น. มีชายชาวต่างชาติซื้อกระเป๋ายี่ห้อ PODIUM ไปจากร้าน

ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในเส้นทางของชายชาวต่างชาติรายนี้ กระทั่งทราบว่า ชายชาวต่างชาติรายนี้เข้าไปยังโรงแรมบูรพา และมีกล้องวงจรปิดหน้าลิฟท์ชั้น 1 เวลากล้อง 19.42.23 น. เวลาจริง 19.46.15 น. พบชายคนนี้ถือถุงสัมภาระสีเขียว ภายในบรรจุวัตถุคล้ายเป้สีดำ เดินเข้าไปในลิฟท์ ขึ้นไปที่ชั้น 5 ก่อนจะเข้าห้องพักหมายเลข 520 และเมื่อตรวจสอบรายชื่อผู้เข้าพักห้องนี้พบว่าเป็น Mr.Tandin Wangchuk อายุ 31ปี สัญชาติ ภูฏาน หมายเลขหนังสือเดินทาง G053687

ตำรวจชุดสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงประสานไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพื่อให้ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางพบว่า ชายชาวภูฏาน รายนี้เดินทางเข้าไทยมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2559 เวลา 07.38 น.โดยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG0314 เดินทางมาจากเมืองกัลกัตตาหรือโกลกาตา รัฐเบงกอล ประเทศอินเดีย โดยแจ้งที่พักในไทยคือโรงแรมบูรพา

ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงแรมบูรพาอย่างละเอียดอีกครั้ง พบว่า Mr.Tandin Wangchuk และพวกรวม 6 คน เดินทางมาพร้อมกันมีการยืนออทำเรื่องเช็คอินหน้าเคาเตอร์โรงแรมพร้อมกัน โดยขอเปิดห้องพัก 2 ห้อง โดย Mr.Tandin Wangchuk ได้เปิดห้องพัก เลขที่ 704 และเพื่อนที่เดินทางมาด้วยกันได้ขอเปิดห้องพัก เลขที่ 502 โดยมอบหลักฐานหนังสือเดินทางให้กับ รร.บูรพา ชื่อ Mr.Pema Khandu จึงได้ประสาน สตม.ขอข้อมูลประวัติการเดินทาง พบว่า เข้าเมืองไทย เมื่อ 28 มี.ค.2559 เวลา 07.38 น.โดยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG0314 เดินทางมาจากเมืองกัลกัตตาหรือโกลกาตา รัฐเบงกอล ประเทศอินเดีย โดยเดินทางมาพร้อมกับ Mr.Tandin Wangchuk

ตำรวจชุดสืบสวน บช.น. ประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ขอตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสารในเที่ยวบิน TG0314 ที่เข้าเมืองไทย เมื่อ 28 มี.ค.2559 เวลา 07.38 น. จึงได้พบรายชื่อชาวภูฏาน ทั้ง 6 คนโดยสารมาจากเมืองกัลกัตตาฯ มาพร้อมกันและได้เข้าพักที่โรงแรมบูรพา พร้อมกันด้วย ซึ่งพบเห็นได้จากภาพกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นภาพต่อเนื่อง โดยทั้ง 6 คน คือ Mr.TANDIN WANGCHUK อายุ 31ปี สัญชาติภูฏาน หนังสือเดินทาง G053687 Mrs. SONAM ZAM​ อายุ 23 ปี สัญชาติ ภูฏาน หนังสือเดินทาง G602335​ Mr.UGYEN​TSHERING อายุ 46 ปี สัญชาติ ภูฏาน หนังสือเดินทาง​G085368​ Mrs. DECHEN DEMA อายุ 31 ปี สัญชาติ ภูฏาน​หนังสือเดินทาง G061073​ Mr. PEMA​KHANDU อายุ 51 ปี สัญชาติ ภูฏาน​หนังสือเดินทาง G073638​
และ Mr.KINZANG อายุ 34 ปี สัญชาติ ภูฏาน หนังสือเดินทาง G062338 โดยภาพจากกล้องวงจรปิดที่ปรากฏทั้ง 6 คน พูดคุยสนิทสนมกันทุกคน โดยแยกกันพักในห้อง 704 และห้อง 502 ดังนี้
ห้อง 704 มี Mr.TANDIN WANGCHUK, Mrs. SONAM ZAM, Mr.UGYEN​ TSHERING ห้อง 502 มี Mr. PEMA KHANDU, Mrs. DECHEN DEMA, Mr.KINZANG

ตำรวจชุดสืบสวนนำภาพชายที่ซื้อกระเป๋ายี่ห้อ PODIUM ให้พนักงานโรงแรมบูรพาดู ได้รับการยืนยันว่า เป็นผู้มาเช่าพักอยู่ที่ห้อง 702 เมื่อ 31 มี.ค.2559 และย้ายห้องพักมาที่ห้อง 602 ให้ชื่อคือ Mr.MANOJ KUMAR DAGA อายุ 38 ปี ​สัญชาติอินเดีย หนังสือเดินทาง ​Z3513043 จึงประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอข้อมูลประวัติการเดินทาง พบว่า เข้าไทยมาเมื่อวันที่ 31 มี.ค.2559 เวลา 06.50 น.โดยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG0314 เดินทางมาจากเมืองกัลกัตตาหรือโกลกาตา รัฐเบงกอล ประเทศอินเดีย โดยก่อนหน้านั้นเคยเดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อ 24 ก.พ.59 และเดินทางออกเมื่อ 8 มี.ค.2559

การตรวจสอบพบว่าในกลุ่ม 6 คนที่เดินทางมาด้วยกันนี้ผู้ที่พักอยู่ที่ห้อง 502 ได้เช็คเอาท์ออกไปจากโรงแรมบูรพา แล้วเดินทางออกจากประเทศไทยไป เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2559 เวลาประมาณ 18.46 น. โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ QZ0253 เดินทางไปยัง เมือง จาร์กาตา ประเทศอินโดนีเซีย ส่วนห้อง 704 พบว่า ในวันที่ 1 เม.ย.2559 เวลาประมาณ 16.00 น. มีการย้ายห้องมาพักอยู่ที่ ห้อง 520 โดยมีการเข้าพักทั้งสามคนเหมือนเดิมมี Mr.TANDIN WANGCHUK, Mrs. SONAM ZAM, Mr.UGYEN TSHERING และพบว่า Mrs. SONAM ZAM เดินทางออกจากประเทศไทย ไปในวันที่ 1 เม.ย.2559 เวลาประมาณ 19.39 น.โดยสายการบิน QZ0253 เดินทางไปยัง เมือง จาร์กาตา ประเทศอินโดนีเซีย และเมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลการเดินทางของ Mrs. SONAM ZAM พบว่า ได้เดินกลับเข้ามาประเทศไทยมาในวันที่ 3 เม.ย.2559 เวลาประมาณ 20.43 โดยสายการบิน QZ0252 จากเมือง จาร์กาตา ประเทศอินโดนีเซีย และได้เดินทางออกไปอีกครั้งในวันที่ 7 เม.ย.2559 เวลาประมาณ 06.24 น. โดยสายการบิน TG0323 ไปเมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย

ตำรวจตรวจสอบกล้องวงรปิดภายในโรงแรมบูรพาเพิ่มเติมพบว่ามีชายชาวต่างชาติที่พักในห้อง518 เดินเข้าไปในห้อง 520 ในวันที่ 1 เม.ย.2559 เวลาประมาณ 17.46 น. ซึ่งเป็นการเข้าห้องในขณะที่มี Mr.TANDIN WANGCHUK, Mrs. SONAM ZAM, Mr.UGYEN TSHERING พักอาศัยอยู่ จึงน่าเชื่อว่ารู้จักกันและมีการติดต่อสัมพันธ์กัน น่าเชื่อว่ามีการแบ่งหน้าที่ในการทำการอย่างหนึ่งอย่างใดที่เกี่ยวข้องกับยาไอซ์ ซึ่งต่อมาได้ตรวจพบภายในศพของ Mr.UGYEN TSHERING ซึ่งจากการตรวจสอบผู้เช่าพักห้อง 518 คือ Mr.Hari Bahadur Tamang จึงได้ประสาน สตม.ขอข้อมูลประวัติการเดินทาง พบว่า เข้าเมืองไทย เมื่อ 23 ก.พ.2559 เวลา 01.53 น. และเข้าพักที่โรงแรมบูรพาเมื่อวันที่ 31 มี.ค.2559 เวลา 08.00 น. โดยเช็คเอาท์ออกไปจาก รร.บูรพา ในวันที่ 2 เม.ย.2559 เวลาประมาณ 11.00 น.

การตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบพฤติการณ์ Mr.MANOJ KUMAR DAGA เข้าไปในห้อง 520 และต่อมาในวันที่ 2 เม.ย.2559 เวลาประมาณ 01.39 น.ได้ช่วยเหลือ Mr.TANDIN WANGCHUK ในการขนกระเป๋าสีดำ ยี่ห้อ PODIUM ซึ่งภายในน่าจะบรรจุศพของ Mr.UGYETSHERING ไปทิ้งคลองโอ่งอ่าง บริเวณสะพานดำรงสถิต ฝั่ง โรงแรมมิรามา ซึ่งอยู่ใกล้กับ โรงแรมบูรพา ในวันที่ 2 เม.ย.2559 เวลาประมาณ 01.47 น. โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยันว่ามีชายสองคนซึ่งก็คือ Mr.TANDIN WANGCHUK และ Mr.MANOJ KUMAR DAGA เป็นผู้ยกกระเป๋าสีดำ ยี่ห้อ PODIUM โยนลงคลองโอ่งอ่าง ซึ่งหลังจากนั้น Mr.TANDIN WANGCHUK ได้เรียกแท็กซี่โดยสารมุ่งหน้าไปยัง สนามบินสุวรรณภูมิ และได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปในวันที่ 2 เม.ย.2559 เวลาประมาณ 03.08 น.โดยสายการบินสไปเจ็ต เที่ยวบินที่ SG0084 ไปยังเมืองกัลกัตตา รัฐเบงกอล ประเทศอินเดีย ส่วน Mr.MANOJ KUMAR DAGA หลังจากช่วยโยนศพลงคลอง โอ่งอ่างแล้วได้กลับมาที่ห้องพักเลขที่ 602 เก็บเสื้อผ้าแล้วได้เดินทางออกจาก โรงแรมบูรพา ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ และออกจากประเทศไทยไปในวันที่ 2 เม.ย.2559 เวลาประมาณ 07.37 น.โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG0323 ไปเมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย

ตำรวจชุดสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ประสานตรวจสอบข้อมูลเครือข่ายค้ายาเสพติดจากตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พบว่า เครือข่ายค้ายาเสพติดที่เป็นชาวต่างชาติ ใช้ประเทศไทยเป็นจุดพักยาเสพติด ยาไอซ์ โดยแหล่งผลิตที่สำคัญในปัจจุบันมีสองแห่งคือตะวันออกกลางที่เรียกว่าแหล่งพระจันทร์เสี้ยว และแหล่งสามเหลี่ยมทองคำที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านทางตอนเหนือของประเทศไทย มีการนำเข้ายาเสพติดยาไอซ์เข้ามาจำหน่ายในราคาประมาณกรัมละ 1,000 -1,500 บาท ให้กับลูกค้าที่จะนำยาเสพติดยาไอซ์ ส่งออกไปประเทศที่สาม และทางกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดข้ามชาติ ก็จะมีการนำ ตัวผู้ลำเลียงยาเสพติด ยาไอซ์ ออกนอกประเทศ เข้ามาในประเทศไทย แล้วเข้ามาบรรจุยาเสพติดโดยการกลืนลงท้อง หลังจากนั้น ก็จะเดินทางไปยังประเทศที่สาม และนำยาเสพติดยาไอซ์ ออกจากร่างกายและจำหน่ายในประเทศที่สาม ซึ่งราคาของยาเสพติด ยาไอซ์ ที่ลักลอบออกไปจำหน่าย ราคาประมาณ กรัมละ 2,500-3,000 บาท ซึ่งจะทำให้ขบวนการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดยาไอซ์ มีรายได้เกือบสองเท่า

จากพฤติการณ์ของกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด ยาไอซ์ ข้ามชาติ ของกลุ่มนี้ จึงทำให้สามารถสรุปผลการสืบสวนได้ว่า ​​กลุ่มผู้ลำเลียงคือชาวภูฏาน ทั้ง 6 คนที่เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อ 28 มี.ค.2559 เวลา 07.38 น. เป็นกลุ่มที่เข้ามาลำเลียงยาเสพติดยาไอซ์ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ มีการร่วมกันบรรจุและกลืนยาเสพติด ยาไอซ์ ที่ห้องพักที่ โรงแรมบูรพา เพื่อลำเลียงออกไปยังประเทศที่สาม ซึ่งปรากฏหลักฐานชัดเจนคือ การเดินทางออกจากประเทศไทย พร้อมกัน 3 คน ในวันที่ 31 มี.ค.2559 ซึ่งพักในห้อง 502 คือ Mr. PEMA KHANDU, Mrs. DECHEN DEMA, Mr.KINZANG โดยเมืองปลายทางประเทศที่สาม คือ เมือง จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งต่อมา Mrs. SONAM ZAM ซึ่งพักห้องเดียวกันกับ Mr.UGYEN​TSHERING ผู้ตาย ก็ได้เดินทางออกจาก ที่พัก ห้อง 520 โรงแรมบูรพา ไปยังเมืองปลายทางประเทศที่สาม คือ เมือง จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เช่นเดียวกัน ซึ่งจากพยานหลักฐานกล้องวงจรปิด เห็นชัดเจนว่า ในวันที่ 1 เม.ย.2559 เวลาประมาณ 16.00 น. ผู้ตายได้เดินเข้าห้องพัก 520 แล้วไม่ได้ออกมาอีกเลย โดยในเวลาประมาณ 17.46 น. วันเดียวกัน ได้มี Mr.Hari Bahadur Tamang ซึ่งพักอยู่ห้อง 518 เข้าไปช่วยเหลือ ให้การสนับสนุน Mr.TANDIN WANGCHUK และผู้ตาย แล้วออกจากห้องพักเลขที่ 520 ออกมา

ทั้งหมดนี้ มีส่วนรู้เห็น เกี่ยวพัก เกี่ยวข้อง แบ่งหน้าที่ในการกระทำผิดเกี่ยวกับลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ยาไอซ์ ในครั้งนี้ โดยต่อมาจากการบรรจุยาเสพติด ยาไอซ์ และกลืนยาเสพติด ยาไอซ์ ลงท้องของผู้ตาย ได้เกิดเหตุ ยาเสพติด ยาไอซ์ รั่วซึมทำให้แพร่กระจายเข้าสู่ร่างกายของผู้ตาย เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย จึงได้มี Mr.MANOJ KUMAR DAGA ได้เข้ามาช่วยเหลือในการซื้อกระเป๋าสีดำ ยี่ห้อ PODIUM จากร้านบางกอกแฟชั่นส์ แล้วมาที่ห้อง 520 และมีการช่วยกันบรรจุศพผู้ตายและต่อมาได้ช่วยกันขนออกจากโรงแรมบูรพา และ ช่วยกันนำศพไปทิ้งอำพราง ซ่อนเร้นศพ ลงคลองโอ่งอ่าง ที่สะพานดำรงสถิต ฝั่งโรงแรมมิรามา ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงแรมบูรพา ในวันที่ 2 เม.ย.2559 เวลาประมาณ 01.47 น. แล้วพากันแยกย้ายกันหลบหนี ซึ่งพยานหลักฐานที่ชัดเจนในตัวศพผู้ตายคือมียาเสพติดยาไอซ์ อยู่ในกระเพาะอาหารและลำไส้ของผู้ตาย มีลักษณะเป็นการบรรจุ ยาเสพติด ยาไอซ์ เป็นก้อนแล้วกลืนลงไป และมีการยัดก้อนยาเสพติด ยาไอซ์ ไปทางทวารหนักส่วนหนึ่งด้วย

ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลของเครือข่ายลักลอบขนยาเสพติดกลุ่มนี้อย่างละเอียด เพราะก่อนหน้านี้ไม่ปรากฏข้อมูลว่ากลุ่มลำเลียงยาเสพติดหรือที่เรียกกันว่าม้าที่เข้ามาใช้ไทยเป็นจุดพักและกระจายยาเสพติดนั้นจะเป็นชาวภูฎาน โดยที่ผ่านมามักเป็นชาวต่างชาติกลุ่มผิวสี หรือหญิงไทย หรือหญิงฟิลิปินส์ ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มชายชาวผิวสี เป็นหลัก