'อภิสิทธิ์'ค้านคำถามพ่วงประชามติ ปมส.ว.เลือกนายกฯ

'อภิสิทธิ์'ค้านคำถามพ่วงประชามติ ปมส.ว.เลือกนายกฯ

หัวหน้าปชป.ค้านคำถามพ่วงประชามติ ปมส.ว.เลือกนายกฯ จี้รบ.ออกกติกาชัดเจน ติงคสช.ไม่บอก ปชช.หากประชามติไม่ผ่าน ขอนปช.-พท.อย่าชี้นำ

วานนี้ (6เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงประเด็นเรื่องคำถามประกอบการทำประชามติว่า ถ้าเป็นอย่างที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.)เสนอเรื่องของการให้รัฐสภาโดยวุฒิสภาร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ก็ไม่อยากให้ถามอย่างนี้เพราะจะเป็นการเพิ่มความสับสน และการถามวนเวียนไปยังเรื่องของการเพิ่มอำนาจวุฒิสภา ให้มายุ่งเกี่ยวกับสภาผู้แทนราษฎร เอาคนที่ได้รับการสรรหา 250 คน มาลบเจตนาของผู้เลือกตั้งเราก็ไม่เห็นด้วย เพราะมันจะมีความแคลงใจกับตัวรัฐธรรมนูญมากขึ้น ทั้งการวางเงื่อนไขแบบนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้งตนว่าไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตามหลักการของประชาธิปไตยและการปฏิรูป    

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนมองว่าปัญหาที่ใหญ่กว่าคือ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลยังไม่ได้บอกประชาชน ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ไม่ผ่านประชามติ ตรงนี้ตนมองว่าไม่เป็นธรรมกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ไปออกเสียงประชามติ เพราะจะต้องไปใช้สิทธิ์โดยคาดคะเนเอาเองว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะทำให้การลงคะแนนมีปัจจัยอื่นเข้ามา ไม่ใช่แค่เนื้อหาของรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนมองว่านี่ไม่เป็นผลดีเลย

“อยากให้ทุกฝ่ายจับตากฎหมายประชามติที่กำลังจะออกมา เพราะการจะไปห้ามไม่ให้มีการรณรงค์จะทำให้เกิดความยุ่งยากมากมาย อย่างน้อยที่สุดทั้งสองฝ่ายก็มีการรณรงค์ไปแล้ว แต่ขณะนี้คนทำของพวกนี้ไม่ผิดเพราะว่ากฎหมายยังไม่ออก แต่หลังจากนี้ถ้ามีการส่งต่อข้อความต่อกันมันจะวุ่นวายไปหมด เพราะต้องมาตามจับคนที่ไปส่งต่อข้อความแต่คนที่เผยแพร่ข้อความไม่ผิด เพราะทำก่อนกฎหมาย ผมมองว่าไม่มีประชามติที่ไหน ที่ให้มีการทำประชามติแล้วไม่ให้มีการรณรงค์ ถ้าการรณรงค์เป็นการทำผิดกฎหมาย แล้วหากมีการทำประชามติขึ้นแล้วฝ่ายคนที่ทำผิด เพราะว่าไปรณรงค์เป็นฝ่ายชนะประชามติ แบบนี้ต้องลงประชามติใหม่หรือเปล่า” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เหมือนกับเวลาใช้กฎหมายเลือกตั้ง สมมติว่าใครไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งก็ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ถ้าแบบนี้ตนมองว่ามันไม่เป็นธรรมชาติ หากมีการทำประชามติโดยไม่ให้มีการรณรงค์ แต่การกำหนดความผิดว่าใครไปบิดเบือนใช้ความเท็จ หลอกลวง ข่มขู่ ซื้อเสียงให้ผลประชามติออกไปทางใดทางหนึ่ง แบบนี้ตนอยากให้จัดการให้เด็ดขาดไปเลย เช่นเดียวกับรัฐบาลที่มีเลียงข้างมาก ถ้ากลัวว่าเขาจะไปทำอะไรผิด ก็ต้องไปป้องกันไม่ให้เขาทำ ไม่ใช่คิดตามใจชอบว่าจะไม่ให้เสียงข้างมากไปตั้งรัฐบาลตามที่ประชาชนไว้ใจ

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ใช่แค่พรรคการเมือง แต่คนทุกคนควรมีสิทธิ์ได้แสดงความคิดเห็นและการแสดงความเห็นแต่ใครจะเป็นผู้มาตัดสินว่าเป็นการแสดงความเห็นหรือโน้มน้าวคนอื่น ถ้าแบบนี้มันไม่เป็นธรรมชาติและจะเกิดปัญหามากมาย ที่สำคัญตามร่างกฎหมายที่มีการพิจารณาอยู่นั้น กลับบอกว่าถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือ กรธ.ไปรณรงค์ไม่ถือว่ าเป็นความผิด มันก็กลายเป็นว่ามีคนกลุ่มเดียวสามารถโน้มน้าวคนอื่นได้ ก็จะยิ่งทำให้ประชามติไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์

“ผมไม่ปฏิเสธว่าการเมืองจะต้องมีส่วนรับผิดชอบ แต่ประเด็นคือเราก็ต้องจัดการกับปัญหาของการเมืองที่มันไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ไปจัดการกับหลักการของระบบ เราไม่มีทางหนีไปจากหลักการของระบบได้ ถ้าต้องการให้เดินหน้าไปได้ นักการเมืองเลวๆจะป้องกันกีดกันอย่างไร ผมคิดว่าทุกคนสนับสนุนอยู่แล้ว แต่วิธีการที่จะทำคงไม่ใช่วิธีที่จะบอกว่าไม่มีระบบการเมืองที่ประชาชนจะไม่มีส่วนร่วม” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ความเห็นของคนในพรรคเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็มีความเห็นที่หลากหลายมาตลอด แต่ความเห็นของสมาชิกพรรคต่อเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญไม่ต่างกัน แต่อย่างที่ตนบอกว่าความกังวล คือ เรื่องการทำประชามติที่เอาปัจจัยทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ที่สำคัญตนอยากจะบอกว่าการที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)และพรรคเพื่อไทยเอาเรื่องประชามติไปเป็นเงื่อนไข เช่น คสช.ต้องลาออก ตรงนี้ทำให้การแสดงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะเราไม่ประสงค์จะเห็นความวุ่นวายในบ้านเมือง ตนก็อย่างจะขอเรียนว่า ถ้ากลุ่ม นปช.และพรรคเพื่อไทยจะคัดค้านในเนื้อหาสาระความเป็นประชาธิปไตย ก็อย่าได้ลากไปเป็นเงื่อนไขทางการเมืองเลย ตนสิ่งว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ที่มีนักศึกษาไปชูป้ายประท้วงระหว่างการปาฐกถาของนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธาน กรธ. ตรงนี้ตนมองว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนกังวลต่อการกลับสู่เส้นทางประชาธิปไตย

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทำอย่างไรถึงจะใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกโดยไม่ต้องไปกระทบต่ออีกฝ่ายหนึ่ง ตรงนี้ คสช.ก็ควรจะต้องเปิดพื้นที่มากกว่าที่จะต้องมาเล่นเกมกันแบบนี้ มีคนที่อยากจะแหย่ แล้วคสช.ก็ต้องไปไล่ตามจับ และต้องไปใช้อำนาจพิเศษ แล้วก็มีการไปฟ้องคนนั้นอีกว่าทำไมถึงมีการละเมิดสิทธิ์ แบบนี้มันก็ไม่จบ ดังนั้นควรจะทำกติกาให้ชัดและระบุให้ชัดเจนไปเลยว่ารณรงค์ได้ แต่ห้ามไปก่อกวนอีกฝ่าย แบบนี้มันก็รับได้และเป็นกติกาที่เป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าหากรัฐบาลยังคงดึงดัน ไม่ฟังความเห็นที่มีการท้วงติงมา แล้วเกิดความเสียหาย ตรงนี้ใครควรจะเป็นผู้รับผิดชอบ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็ต้องรับผิดชอบ

เมื่อถามว่า คิดว่าเหตุผลที่เกิดความวุ่นวายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนหนึ่งมาจากเนื้อหาเรื่องการศึกษาในร่างรัฐธรรมนูญที่ถูกวิจารณ์ว่า มีการตัดสิทธิ์ให้เหลือ 12 ปีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเป็นคนที่ส่งความเห็นไปถึง กรธ.ตั้งแต่แรกในเรื่องของบทบัญญัติสิทธิเสรีภาพ แต่ว่าตอนนี้ก็คงแก้ไม่ได้แล้ว ก็ต้องพิจารณาไปตามที่เขียนอยู่

“น่าเสียดายว่าบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2540 , 2550 ทาง กรธ.ไม่เคยชี้แจงเลยว่ามีปัญหาตรงไหน มีปัญหาอย่างไร แต่ไปยกเลิก แก้ไขโดยไม่มีคำอธิบาย ตรงนี้ก็กลายเป็นจุดอ่อนของร่างรัฐธรรมนูญโดยไม่จำเป็น ในแง่ของการศึกษานั้น ขอยืนยันว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะยังคงผลักดันนโยบายเรื่องเรียนฟรี 15 ปีต่อไปไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะเขียนไว้หรือไม่” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว