เกมรุก! สั่งปลดผู้ว่าฯ4จังหวัด ตั้ง'ทหาร'เป็นจนท.ปราบมาเฟีย

คสช.เปิดเกมรุก! สั่งปลดผู้ว่าฯ4จังหวัด แต่งตั้ง "ทหาร" เป็นจนท.ปราบมาเฟีย..ลุยตีโจทย์ใหญ่?
ฟ้าผ่า! ลงเก้าอี้ผู้ว่าราชการ 4 จังหวัด หลังมี คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 12/2559 เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดํารงตําแหน่ง ช่วงเย็นวานนี้ (29มี.ค.)
สั่งให้ นายยุทธนา วิริยะกิตติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ, นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก, นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี, นายวีรพงศ์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี โดยขาดจากตําแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิม เพื่อย้ายหรือโอนไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตามกรอบอัตรากําลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษที่จัดให้มีขึ้นในสํานักนายกรัฐมนตรี
และแต่งตั้งให้ นายธวัช สุระบาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี รักษาราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ, นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลําพูน รักษาราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก, นายวิทูรัช ศรีนาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก รักษาราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และนายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ ผู้ตรวจราชการกระทรวง กระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ซึ่งให้ทำหน้าที่เต็มในตำแหน่งผู้ว่าฯ เหลือเพียงแค่รอโปรดเกล้าฯ เท่านั้น
แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (หน.คสช.) จะระบุว่า การสั่งให้ออกจากตำแหน่ง ด้วยอำนาจมาตรา 44 แห่งรธน.ชั่วคราว พ.ศ.2557 เพื่อให้การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินด้านการบริหารราชการส่วนภูมิภาค มีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ก็ตามที
ทว่า สะท้อนถึง "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะรมว.มหาดไทย ซึ่งน่าสนใจว่า เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา (8มี.ค.) การประชุมมอบนโยบายผู้ว่าฯทั่วประเทศ เป็นการปิดลับ ไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าวร่วมสังเกตการณ์
ขณะที่ นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เผยวันนั้นว่า "ผู้ว่าฯบางคนที่เหลืออายุราชการแค่ปีเดียว ขอความกรุณาได้แสดงความฝีมือให้เขาเห็น เพื่อที่ในปีต่อไปคนเหลืออายุราชการแค่ปีเดียวเหมือนกันจะได้รับโอกาสบ้าง ถ้าเกิดคิดว่า เหลือแค่ปีเดียว หรืออีก 6 เดือน เลยเกียร์ว่างขึ้นมา เพราะฉะนั้นขอให้ทำ พอท่านรัฐมนตรีมาถามเราก็จะได้ไม่อึกอัก
บอกได้ว่า คนเหลือปีเดียวก็ทำงาน อย่าง ผบ.ทบ.เหลือปีเดียวเขาก็ตั้ง ผมก็ใช้เงื่อนไขนี้ไปเจรจา นอกจากนี้ขอให้ทำตัวเป็นที่ยอมรับจากส่วนราชการต่างๆ ไม่ต้องไปมองไกลตัว ให้มองใกล้ๆตัวเรา ไม่ว่า รองผู้ว่าฯ และอื่นๆ ต้องบอกเขาว่า ถ้าทำดีก็จะได้เลื่อนตำแหน่ง ถ้ายังมัวแต่ขัดแข้งขัดขากันเหมือนตำบลละ 5 ล้าน โยนกันไปโยนกันมาอย่างนี้ไม่ถูกต้อง ผู้ว่าฯต้องลงไปเป็นตัวกลางให้เขาได้ดำเนินงานไปได้"
จึงไม่แปลกใจ กรณีสั่งปลดผู้ว่าฯ4จังหวัด จะเป็นแค่ "หนังตัวอย่าง" หรือไม่ และหากยังมี "เกียร์ว่าง" ในบรรดาผู้ว่าฯอยู่เยอะ ก็คงต้องหาคนใหม่มาทำแทน?
ขณะเดียวกัน ช่วงดึกวันที่ 29 มี.ค.นั้น คำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 13/2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตราย ต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ใจความสำคัญคือ แต่งตั้ง "เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม" หมายความว่า ข้าราชการทหาร ซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นร้อยตรี เรือตรี หรือเรืออากาศตรี ขึ้นไป ซึ่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามคำสั่งนี้
และตำแหน่ง “ผู้ช่วยเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม” หมายความว่า ข้าราชการทหาร ซึ่งมียศต่ำกว่าชั้นร้อยตรี เรือตรี หรือเรืออากาศตรี ลงมา และให้หมายความรวมถึง ทหารประจำการ ทหารกองประจำการ และอาสาสมัครทหารพราน ซึ่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามคำสั่งนี้
พูดกันง่ายๆ คือ แต่งตั้ง "ทหารปราบมาเฟีย" ทั้งที่มีกลไกเดิมอย่างตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอยู่แล้ว ซึ่งการตั้งทหารเข้ามาอีก จึงเห็นได้ชัดว่าการระดมพลลงพื้นที่ตรวจสอบจะรวดเร็วและครอบคลุมมากขึ้น และเป็นการ "กระชับพื้นที่" กลุ่มผู้มีอิทธิพลในแต่ละพื้นที่ในคราวเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่12และ13 ดังกล่าว ถือเป็นการจี้ปลด "เกียวร์ว่าง" บรรดาตำรวจและจนท.ฝ่ายปกครอง อย่างเป็นรูปธรรมขึ้นด้วย!?







