สรุปคำฟ้องคดีอาญา–คดีแพ่ง แม่ประนอม และลูก

สรุปคำฟ้องคดีอาญา–คดีแพ่ง แม่ประนอม และลูก

สรุปคำฟ้องคดีอาญา–คดีแพ่ง แม่ประนอม และลูก

โดยคดีอาญา นางประนอม แดงสุภา อายุ 78 ปี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต,นายสุชาติ ภาษาประเทศ สามีของนายศิริพร และนายกำธร ประยูรสตางค์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ต่อศาลจังหวัดนครปฐม ในความผิดเกี่ยวกับเอกสาร,ฉ้อโกงและความผิดต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265,267,268, 137, 341ประกอบมาตรา 83

ซึ่งโจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1 -26 ธ.ค.57 จำเลยทั้งที่ 1-3 ร่วมกันปลอมลายมือชื่อโจทก์และหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายศิริชัย สามี ว่ามอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 โอนที่ดิน 9 แปลงให้กับจำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 3 ได้ไปแจ้งกับเจ้าพนักงานที่ดินจนหลงเชื่อ และดำเนินการโอนที่ดิน 9 แปลง ต.ท่าพระยา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ให้จำเลยที่ 1 ซึ่งการกระทำนั้นทำให้โจทก์และกองมรดกของนายศิริชัย สามี ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ลงโทษตามกฎหมาย

อย่างไรก็ดี ภายหลังมีการไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้ว ศาลจังหวัดนครปฐม จึงได้มีคำสั่งวันที่ 16 ก.ย.58 ให้ประทับรับฟ้องเฉพาะนางศิริพร บุตรสาวคนโตจำเลยที่ 1 และ นายกำธร จำเลยที่ 3 เฉพาะความผิดฐานผู้ใดทำเอกสารปลอมหรือแก้ไขตัดทอนหรือประทับตราปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน มาตรา 264 , ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ มาตรา 265 , ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารปลอม มาตรา 268 และผู้ใดทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริง มาตรา 341

แต่ความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 และความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 ความผิดทั้งสอง รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย โจทก์จึงไม่อาจฟ้องจำเลยทั้งสาม ในความผิดทั้งสองฐานนี้ได้ จึงให้ประทับรับฟ้องเฉพาะมาตรา 264,265,268 และ 341

ส่วนนายสุชาติ จำเลยที่ 2 ทางไต่สวนของโจทก์ไม่ปรากฏว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และ 3 กระทำผิดตามฟ้องจึงให้ยกฟ้อง

แต่ภายหลังนางประนอม โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ซึ่งเบื้องต้นศาลวินิจฉัยเห็นว่าโจทก์ได้มอบอำนาจจึงอนุญาตให้ถอนฟ้อง แต่ต่อมานางประนอมโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลใหม่ว่า ไม่ได้ถอนฟ้องโดยสมัครใจศาลจึงนัดไต่สวนกรณีดังกล่าวในวันที่ 4 เม.ย.นี้

นอกจากนี้ ยังมีคดีแพ่ง ที่นางประนอม แดงสุภา อายุ 78 ปี และนางสาว ศิริวัลย์ แดงสุภา อายุ 53 ปี บุตรสาวคนที่ 2 ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางศิริพร อายุ 55 ปี บุตรสาวคนโต และนายสุชาติ อายุ 62 ปี สามีของนางศิริพร เป็นจำเลยที่ 1-2 ต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน ความผิดเรื่องเพิกถอนนิติกรรม ถือกรรมสิทธิ์แทนโดยคืนทรัพย์ และเรียกค่าเสียหายทุนทรัพย์รวม 561,950,000บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ 31 มี.ค. 58 ซึ่งถัดจากวันฟ้องคดี รวมทั้งขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดิน ตำบล หลักสอง อ.ภาษีเจริญ กทม. ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานบริษัทพิบูลย์ชัย น้ำพริกเผาแม่ประนอม จำกัด ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมของนางประนอมและนายศิริชัย สามี และให้จำเลยทั้งที่ 1-2 โอนหุ้นบริษัทพิบูลย์ชัย น้ำพริกเผาแม่ประนอม จำกัด คืนกับโจทก์ที่ 1-2 และกองมรดกของนายศิริชัย สามีด้วย

ซึ่งโจทก์ ยื่นฟ้องระบุว่า ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง นางประนอมโจทก์ที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของนายศิริชัยสามี กระทั่งเมื่อเดือน มี.ค.58 โจทก์ที่ 1 ไม่ไว้วางใจพฤติกรรมของจำเลยที่ ส่อในทางจะฉ้อโกงจึงให้ทนายตรวจสอบทรัพย์กองมรดกทั้งหมด ต่อมาพบว่าจำเลยทั้งสอง ร่วมกันปลอมเอกสารหนังสือมอบอำนาจโจทก์เพื่อโอนที่ดิน 11 แปลงในจังหวัดนครปฐม และที่ดินเขตภาษีเจริญ กทม. ที่เป็นทรัพย์กองมรดกไปเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 โดยโจทก์ได้ดำเนินคดีกับจำเลยทั้ง สองและผู้เกี่ยวข้องต่อศาลจังหวัดนครปฐม ซึ่งโจทก์ไม่มีเจตนาจะโอนที่ดินให้จำเลยที่ 1 แต่อย่างใด เพราะจะแบ่งทรัพย์สินให้กับทายาทกองมรดกทุกคน และยังพบว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะกรรมการบริษัทพิบูลย์ชัย น้ำพริกเผาแม่ประนอม ยังได้เปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัททั้งหมดโดยตัดชื่อนายศิริชัย แดงสุภา สามีโจทก์ที่ 1 และชื่อของโจทก์ทั้งสองออกจากผู้ถือหุ้น แล้วใส่ชื่อจำเลยที่ 2 กับบุตรของจำเลยทั้งสองเป็นผู้ถือหุ้นแทน ทั้งที่โจทก์ทั้งสองและนายศิริชัย ไม่เคยโอนหุ้นบริษัทให้กับจำเลยที่ 2 และบุตร ดังนั้นจำเลยทั้งสอง จึงมีหน้าที่โอนหุ้นคืนให้กองมรดก และโจทก์ทั้งสอง รวม 38,550หุ้น

โดยศาลจังหวัดตลิ่งชัน รับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ 558/2558 ซึ่งคดีมีการนัดไต่สวนคำร้องที่ นางประนอม โจทก์ที่ 1 ได้ขอเพิกถอนการถอนฟ้องคดีนี้เนื่องจากอ้างว่า ไม่ได้ถอนฟ้องโดยสมัครใจ ซึ่งศาลนัดไต่สวนวันที่ 11 เม.ย.นี้