'งดออกเสียง'ไม่มีความหมายในการทำประชามติ

 'งดออกเสียง'ไม่มีความหมายในการทำประชามติ

การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ในวันที่ 31ก.ค.นี้ ต้องกาในช่องที่กำหนดคือ “เห็นด้วย” หรือ“ไม่เห็นด้วย” ส่วน"งดออกเสียง'ไม่มีความหมาย

ในการประชุมสภานิติบัญญัติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ประเด็นหนึ่งที่มีการแก้ไขคือเรื่องเสียงที่ใช้ผ่านร่างรัฐธรรมนูญในการทำประชามติ โดยนอกจากจะแก้ไขในหลักการ ยังมีการกำหนดในรายละเอียดเพื่อให้เกิดความชัดเจนชนิดไม่ต้องให้ตีความกันอีก  

ในส่วนหลักการ คือ แก้ไขจากเดิมที่กำหนดให้ใช้ “เสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียง” มาเป็น “เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ” ส่วนรายละเอียดที่แก้ไขให้รัดกุมขึ้นจากร่างเดิมที่ ครม.และ คสช. เสนอมาที่ สนช. คือ “ถ้าคะแนนเสียงข้างมากของผู้ออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยร่างรัฐธรรมนูญ ให้นายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯภายใน 30 วัน” แก้ไขเป็น “ถ้าผลการออกเสียงประชามติมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญมากกว่าคะแนนเสียงไม่เห็นชอบ ให้นายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯภายใน 30 วัน”  

ในถ้อยคำที่แก้ไขใหม่จะมีความหมายชัดเจนตามที่รองนายกฯวิษณุ เครืองาม พูดก่อนหน้านั้นว่า เสียงงดออกเสียง และ บัตรเสีย จะไม่ถูกนำมานับรวมในการพิจารณาว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติหรือไม่  

“เกณฑ์ในการลงประชามติให้ยึด “คะแนนเสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียง” เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในการตีความภายหลัง โดยจะนับคะแนนเฉพาะผู้ที่ลงคะแนนว่า เห็นชอบ-ไม่เห็นชอบ กับร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่รวมถึงบัตรเสียและที่งดออกเสียง “สมมติ มีผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียง 30 ล้านคน เห็นชอบ 12 ล้านคน ไม่เห็นชอบ 10 ล้านบาท บัตรเสีย-งดออกเสียง 8 ล้านคน ก็จะนับเฉพาะคะแนนเห็นชอบที่ได้มากกว่าไม่เห็นชอบเท่านั้น ไม่รวมบัตรเสีย-งดออกเสียง ถือว่าได้เสียงข้างมากแล้ว โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องได้คะแนนถึง 15 ล้านคน” วิษณุ อธิบายหลังการประชุมร่วมระหว่าง ครม.และ คสช. เมื่อ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา  

ทั้งนี้ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” กกต. บอกว่า ในบัตรออกเสียงประชามติจะมีเพียงช่องเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เท่านั้น เหมือนกับบัตรออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2550 และเป็นไปตามมาตรฐานสากล  

สมชัย ยังบอกด้วยว่าสำหรับช่อง “งดออกเสียง” ในบัตรเลือกตั้ง ส.ส. หรือ ส.ว. ก็มีเพียงประเทศไทยเท่านั้นที่มีช่องนี้ ยังไม่เคยเห็นประเทศใดในโลกมีช่อง “งดออกเสียง” ไว้ในบัตรเลือกตั้ง ทั้งนี้ในส่วนของประเทศไทยนอกจากการให้กำหนดช่อง “งดออกเสียง” ไว้ในบัตรเลือกตั้ง ยังมีการเรียกร้องให้เสียงส่วนนี้มีความหมายด้วย โดยการให้กำหนดว่า หากในเขตเลือกตั้งใดไม่มีผู้สมัครรายใดได้คะแนนมากกว่าคะแนนงดออกเสียง ให้จัดการเลือกตั้งในเขตนั้นใหม่ ซึ่งในร่างรัฐธรรมนูญฉบับของ “มีชัย ฤชุพันธุ์” ก็กำหนดไว้ด้วย  

อย่างไรก็ตาม สมชัย บอกว่า คำอธิบายเรื่อง “งดออกเสียง” ในการเลือกตั้ง ส.ส. พอเข้าใจได้ว่าต้องการให้พรรคการเมืองส่งผู้สมัครที่เหมาะสมลงเลือกตั้ง แต่ในส่วนของการทำประชามติเสียง “งดออกเสียง” ไม่สามารถสื่อความหมายได้ ไม่สามารถนำเสียงงดออกเสียงมารวมกับเสียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้  

ดังนั้น หากต้องการให้เสียงของท่านมีความหมายในการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดไว้ในวันที่ 31กรกฎาคม นี้ ต้องกาในช่องที่กำหนดให้เท่านั้น คือ “เห็นด้วย” หรือ “ไม่เห็นด้วย”