นายกนักข่าวโทรทัศน์ฯ ชี้ช่อง3-สรยุทธ ควรพิจารณาการทำหน้าที่

นายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ฯ ระบุคดีไร่ส้มเป็นบทเรียนคนทำสื่อ ชี้"ช่อง3-สรยุทธ" ควรพิจารณาการทำหน้าที่คนหน้าจอ และความรับผิดชอบต่อสังคม
นายเทพชัย หย่อง นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย กล่าวถึงกรณี ศาลตัดสินคดี บริษัทไร่ส้มกรณีทุจริตเงินค่าโฆษณา ช่อง 9 อสมท. โดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี 4 เดือน ว่า
บทเรียนของสื่อจากคดีนี้ เมื่อสื่อทำอะไรผิด สังคมก็จะวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้สื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งข่าว อาชญากรรม การเมือง บันเทิง ที่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้่นอย่างต่อเนื่อง กรณีคุณสรยุทธ อาจจะเป็นอีกระดับหนึ่งขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องของการรายงานข่าวแต่เป็นเรื่องพฤติกรรมของคนที่บริหารองค์กร ธุรกิจสื่อ แต่ทั้งหมดประดังกันเข้ามาทำให้ภาพลักษณ์ของสื่อ เป็นคำถามใหญ่
เรื่องนี้ก็มีคำถามมาตลอด ตั้งแต่อัยการสั่งฟ้องคุณสรยุทธ ทุจริต ก็มีคำถามว่า ยังสมควรจะปฏิบัติหน้าที่ในฐาะคนหน้าจอต่อไปอีกหรือไม่ ก็หลีกเลี่ยงไม่พ้น ในฐานะที่คุณสรยุทธเป็นผู้บริหารบริษัทไร่ส้มด้วย เป็นผู้อ่านข่าวด้วย ซึ่งแยกแยะบทบาทกันไม่ออก มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของเขาอยู่แล้ว
ผลกระทบจากคดีนี้ต่อสื่อจะเป็นอย่างไร นายเทพชัย ระบุว่า เมื่อศาลพิพากษาว่า มีความผิดเรื่องทุจริต แสดงให้เห็นว่าได้ใช้ดุลพินิจแล้ว มีหลักฐานชัดเจนว่าคุณสรยุทธ มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย ฉะนั้นผมคิดว่า ถ้าช่อง 3 ยังตัดสินใจให้คุณสรยุทธทำหน้าที่ต่อไป ผมเชื่อว่าช่อง 3 ต้องเจอคำถามเรื่องนี้ทุกวัน ซึ่งไม่แน่ใจว่าคุ้มค่าหรือไม่ ผมเชื่อว่าปฏิกริยาจากสังคมเรื่องนี้จะแรงมากกว่าช่วงที่ผ่านมา เพราะถือว่าคดีนี้มีคำพิพากษาออกมาแล้ว
เชื่อว่าไม่ได้เป็นปฏิกริยาจากผู้ชมอย่างเดียว แต่จะมาจากเอเจนซีโฆษณา บริษัทที่เป็นเจ้าของสินค้าที่โฆษณา และจากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งช่อง 3 ก็คงต้องดูว่าคุ้มค่ากันหรือไม่ ซึ่งช่อง 3 ก็คงต้องตอบคำถามทุกวัน และคุณสรยุทธ ก็คงจะเหนื่อยแน่ ที่ปรากฏตัวบนจอทุกวัน แล้วต้องเจอคำถาม คิดว่าเป็นความท้าทาย ช่อง 3 เพราะคนในสังคมมีสิทธิ์ที่จะรู้สึก และยอมรับตัวบุคคลที่ถูกกระบวนการยุติธรรมพิพากษาหรือไม่
อย่างน้อย ก็หวังว่า ช่อง 3 และคุณสรยุทธ จะเคารพคนดู เพราะเรื่องนี้ จะเป็นบททดสอบความเป็นวิชาชีพของช่อง และคุณสรยุทธ ถือเป็นบทเรียน ในยุคที่การแข่งขันของสื่อสูง ในแง่ความอยู่รอดของสื่อ องค์กร แต่สำคัญคือ ต้องถามตัวเองถึงบทบาทของสื่อคืออะไร การตรวจสอบสังคม เป็นปากเสียงแทนสังคม แต่ต้องตอบตัวเองเรื่องกระบวนการทำงานที่โปร่งใส ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ ธุรกิจสื่อไม่ควรมุ่งหวังกำไรอย่างเดียว เชื่อว่าสังคมมีความคาดหวังว่า สื่อต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม ในแง่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี เพราะสื่อเรียกร้องใหันักการเมือง ข้าราชการ ซื่้อสัตย์ ไม่ทุจริต สื่อก็ต้องทำเป็นตัวอย่าง ทั้งตัวองค์กรและบุคลากรด้วย




