ดีเอสไอส่งสำนวน'เบนซ์สมเด็จฯช่วง' ให้สำนักคดีภาษีพรุ่งนี้

ชุดสืบสวนดีเอสไอนัดส่งสำนวนคดีเบนซ์สมเด็จฯช่วงให้ผบ.สำนักคดีภาษีพรุ่งนี้ มั่นใจใช้เวลาสอบไม่เกิน 3 เดือน
แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงการตรวจสอบรถเบนซ์ ขม. 99 กรุงเทพมหานคร ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช สืบเนื่องจากกรณีที่มีการสรุปผลการสืบสวนพบการกระทำผิดทุกขั้นตอนนั้น ในวันนี้( 23 ก.พ.) ได้มีตัวแทนหจก. เอส.ที.วาย ออโต้พาร์ท ติดต่อเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยระบุว่าตนเป็นบริษัทรับซ่อมรถโฟลค์ลิฟท์ หรือ รถยกสินค้า และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจดประกอบรถ เป็นเพียงบริษัทรับซ่อมรถยกสินค้าที่มีตัวตนจริง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการประกอบรถยนต์ เนื่องจากก่อนหน้านี้พบว่ารายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการประกอบรถเบนซ์ของสมเด็จฯช่วงมีชื่อใกล้เคียงกับบริษัทเอสทีวาย ทำให้รู้สึกกังวลใจ จึงต้องการเข้ามาแสดงตัวและชี้แจงว่าบริษัทของตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบหลักฐานไม่พบความเชื่อมโยงกันจริง โดยผู้ประกอบการที่ถูกแอบอ้างชื่อคือหจก.เอชทีวายออโต้พาร์ท ซึ่งได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์กรณีถูกปลอมเอกสารเช่นกัน
สำหรับการส่งมอบสำนวนสืบสวนไปสู่คณะพนักงานสอบสวนต่อนั้นในวันพรุ่งนี้( 24 ก.พ. )พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ จะส่งมอบสำนวนการสืบสวนทั้งหมดไปให้พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผบ.สำนักคดีภาษีอากร ได้ทำการ สอบสวนต่อไป โดยสำนวนสืบสวนที่จะส่งมอบจะมีการสรุปข้อกล่าวหาการพบการกระทำความผิดตามกฎหมายในขั้นตอนต่าง ๆ ทั้งการนำเข้า การจดทะเบียน การปลอมแปลงเอกสาร คาดว่าในชั้นสอบสวนจะเป็นเพียงการสอบย้ำพยานบุคคลและเอกสารที่พบในชั้นสืบสวน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน
ส่วนการสอบสวนว่าสมเด็จช่วงจะมีความผิดอย่างไรนั้นขึ้นกับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนชุดใหม่ เพราะการกระทำผิดอาญาต้องพิสูจน์เจตนา ซึ่งถือเป็นดุลยพินิจพนักงานสอบสวน โดยประเด็นที่จะเป็นปัญหากับพระคือประเด็นว่านำเงินส่วนใดมาชำระค่ารถคันดังกล่าวเป็นมูลค่าถึง 4 ล้านบาท หากเป็นเงินส่วนตัวต้องชี้แจงที่มาของรายได้ แต่หากเป็นเงินวัดอาจมีความผิดเพิ่มเติมเพราะเข้าข่ายยักยอกทรัพย์ของวัดมาใช้ส่วนตัวด้วย







