เส้นตาย28กพ. ปม 'ร.ต.อ.ทวี' ฆ่าตัวตาย

การฆ่าตัวตายของ ร.ต.อ.ทวี หมื่นรักษ์ พนง.สอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เป็นปมปริศนาการตายว่าเขาฆ่าตัวตายจากสาเหตุอะไร
แต่ที่ชัดเจน"เส้นตาย28ก.พ.2559" ที่ได้บีบคั้นให้ทุกอย่างเร่งรัด ที่เงื่อนเวลากลายเป็นตัวชี้ขาดว่า ใคร?จะได้ประโยชน์จากคดีนี้
28 พ.ย. 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นลานจอดรถบนห้างสรรพสินค้าย่านหลักสี่ หลังสืบสวนพบว่าแก้งค์โจรกรรมรถยนต์นำรถมาจอดซุกซ่อนที่นี่ แต่เมื่อตรวจค้นกลับพบว่ามีรถยนต์จอดอยู่ทั้งหมด204คัน พบว่าเป็นรถที่ผู้นำมาจำนำกับ “เฮียเม้ง”เจ้าของเต้นรถย่านดอนเมืองและนำมาจอดไว้ศาลสั่งปรับผู้ดูแล2คนตามพ.ร.บ.โรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 คนละ 10,000 บาท แต่รถของกลาง 204 คัน ถูกยึดไว้ตรวจสอบ
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อรถ 204 คัน มี 22 คันเป็นรถที่ไม่มีปัญหา แต่ 182 คันเป็นรถที่ยังติดไฟแนนซ์ ใน 18 บริษัท จากการประเมินเบื้องต้นของบริษัทลิซซิ่งพบว่ารถยนต์เหล่านี้ขาดส่งค่างวดรถรวมมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 60 ล้านบาท และขอใช้สิทธิตามกฎหมายเพื่อขอรับรถยนต์ของกลางคืน
และนี่คืดจุดเริ่มของความขัดแย้งในการขอคืนของกลางระหว่างบ.ลิชชิ่ง ผู้ปล่อยสินชื้อซื้อรถที่ยังมีสิทธิ์เป็นเจ้าของรถที่ยังไม่หมดงวด กับ “ผู้รับจำนำ” ที่จ่ายเงินให้กับผู้ครอบครองรถที่ติดงวดบ.ลิชชิ่งไปแล้ว
การทวงรถคืนของบ.ลิชชิ่ง18แห่ง เริ่มจากการยกเลิกสัญญากับผู้ขอสินเชื่อซื้อรถที่มีปัญหา เพื่อเข้าสู่กระบวนการการตามกฎหมาย ซึ่งต้องแจ้งความกับพนักงานสอบสวน เพื่อเข้าสู่กระบวนการทางศาลนำรถคืน
ก่อน 25ม.ค.2559 ตัวแทนบ.ลิชชิ่ง เจ้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหายักยอกทรัพย์แบบไม่ระบุตัวตนผู้ เพราะเป็นการรับจำนำโดยไม่ชอบแต่หลบเลี่ยงอำพรางว่าเป็นการ “ฝากจอดรถ”จึงยากที่จะระบุตัวตนผู้ยักยอกและอาจถูกโต้แย้งได้
"การรับจำนำรถผิดกฎหมายเป็นนิติกรรมอำพราง การรับจำนำทั้งที่ไม่มีสมุดคู่มือจดทะเบียนรถถือเป็นการรับจำนำโดยไม่ชอบแต่หลบเลี่ยงอำพรางว่าเป็นการฝากจอดรถ แต่มีข้อพิรุธว่าเป็นการฝากรถโดยมอบกุญแจไว้กับผู้รับฝากด้วย ถือเป็นการฝากขายสิทธิเพื่อเลี่ยงกฎหมายมีการถ่ายรูปและรับมอบเงินสดในราคาที่จำนำ รถทุกคันลูกค้ายังติดภาระเช่าซื้อกับลิซซิ่งจึงต้องมีการแจ้งข้อหายักยอกทรัพย์" นายใหญ่ ปันเถิน ประธานอนุกรรมการกฎหมายสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย ระบุ
เมื่อตำรวจไม่รับแจ้งความ ที่ข้อหายักยอกทรัพย์มีอายุความภายใน 90 วัน นับจากวันจับกุม 28พ.ย.2558 ที่จะครบวันที่ 28 ก.พ. 2559ทำให้ บ.ลิชชิ่ง ต้องดิ้นเพื่อหาช่องเอารถคืน ในจำนวนนี้ที่เสียหายมากที่สุดเป็น บ.ธนชาติฯที่มีรถติดไฟแนนซ์ในคดี70กว่าคัน รองลงมาเป็น บ.โตโยต้าฯ20กว่าคัน บ.ไทยพาณิยช์ ร่วม20คัน และอีก15บริษัทที่เสียหาย
11ม.ค.2559 ตัวแทน บ.ลิชชิ่ง 18 บริษัท โดยสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทยเข้าพบ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อขอความช่วยเหลือให้สามารถแจ้งความยักยอกทรัพย์โดยไม่ระบุตัวตนผู้กระทำผิดได้ เพราะอายุความกำหนดไว้นับจากวันที่ 28พ.ย.2558 ที่มีการจับกุมภายใน 90 วันและรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งการไปยัง พ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล ผกก.สน.ทุ่งสองห้องให้รับแจ้งความจากบริษัทลิชซิ่ง
การรับแจ้งความยักยอกทรัพย์แบบ ”ไม่ระบุตัวตน”ผู้กระทำผิดของบริษัทลิชชิ่งเป็นทางเดียวที่มีโอกาสได้รถของกลางคืน และกลายเป็นประเด็นเคร่งเครียดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีที่ความเห็นเป็น2ทาง
การรับแจ้งความยักยอกทรัพย์รถ182คัน เท่ากับว่าเปิดทางให้บ.ลิชชิ่งได้รถของกลางคืน แต่หากไม่มีการรับแจ้งความจะด้วยวิธีการใด หรือโดยการหมดอายุความผู้ที่มีโอกาสได้ประโยชน์จะเป็น “เฮียเม้ง”ผู้รับจำนำรถ
25 ม.ค. 2559ผกก.ทุ่งสองห้อง ตั้งพนง.สอบสวนประมาณ5คน1ในนั้นมี ร.ต.อ.ทวี หมื่นรักษ์ รวมอยู่ด้วย ให้รับผิดชอบในการรับแจ้งความ และบ.ลิชชิ่งส่งตัวแทนทยอยเข้าแจ้งความวันแรกผ่านไป 5 วัน ในวันที่ 29 ม.ค.การับแจ้งความทำได้22คดี(22คัน) และเป็นวันที่ ร.ต.อ.ทวี หมื่นรักษ์ ยิงตัวตาย ขณะที่การรับแจ้งความยักยอกทรัพย์ ถูกชะลอการรับแจ้งจนกว่างานศพจะแล้วเสร็จ
ปมที่ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.บอกว่า” รู้ตัวแล้วตำรวจชั้นผู้ใหญ่เป็นใครที่กดดันระดับปฏิบัติ”ย่อมสะท้อนว่าคดีจับรถ 204 คันเป็นปมนำสู่การฆ่าตัวตายของ ร.ต.อ.ทวี และที่น่าสนใจมากนั้นคือครบอายุความ 90 วันของการรับแจ้งความ 28 ก.พ.นี้ ตำรวจสน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งความได้ครบ 182 คันหรือไม่?
เส้นตาย28ก.พ.2559จึงเป็นคำตอบว่า ”ใครกดดันใคร-เพื่อใคร?” ในคดีนี้







