ฉีกสัญญารัก'ภุชงค์'พ้น 'แม่บ้านกกต.' ล้วงลูกหรือไม่?

มติกกต. 4 ต่อ 1 ฉีกสัญญาจ้าง "เลขาธิการ "ภุชงค์ นุตราวงค์" นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ก่อตั้งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
กกต.ให้เหตุผลการปลดกลางอากาศครั้งนี้ว่า"ภุชงค์" ทำงานล่าช้าไม่เข้าตากรรมการ จึงไม่ผ่านหลักเกณฑ์การประเมินทั้ง 4 ด้านที่คณะอนุกรรมการเพื่อประเมินผลการปฏิบัติงานของเลขาธิการฯเป็นผู้กำหนด ส่งผลให้ "ภุชงค์"ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที
"ภุชงค์"ไต่เต้าจากรองเลขาธิการกกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ลงสมัครชิงตำแหน่งแม่บ้านกกต. ภายหลัง "นายสุทธิพล ทวีชัยการ" ยื่นจดหมายลาออกไปเป็นกรรมการ กสทช.
"ภุชงค์" เข้าดำรงตำแหน่งแม่บ้านกกต. เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2555 ภายใต้การลงมติคัดเลือกของกกต.ชุดก่อน ที่มีนายอภิชาต สุขัคคานนท์ เป็นประธาน โดยเซ็นสัญญาการว่าจ้างวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี และมีการประเมินผลต่อสัญญาแบบปีต่อปี จึงถือเป็นคนในกกต.คนแรก ที่ขึ้นดำรงตำแหน่ง"เลขาธิการ"
"ธนิศร์ ศรีประเทศ" ผู้ทรงคุณวุฒิ กกต. อธิบายหลักเกณฑ์การประเมินผลว่า ในสัญญาจ้างกำหนดให้มีการรายงานผลการปฏิบัติงานปีงบประมาณละ 3 ครั้ง คือ 1.ช่วงเดือนต.ค.-ม.ค. 2.ช่วงเดืนก.พ.-พ.ค. และ 3.รายงานผลการปฏิบัติงานของรอบปีที่ผ่านมาเพื่อใช้ในการประเมินผลประจำปีภายในเดือนต.ค. นั่นเอง
"การประเมินของอนุกรรมการฯ ไม่ได้เป็นไปโดยอคติ เพราะเป็นหลักเกณฑ์ประเมินเดียวกับที่เคยใช้ประเมินมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2557 ที่ในขณะนั้น ผลการประเมินของนายภุชงค์ ก็ผ่านเกณฑ์ประเมิน แต่ในครั้งนี้บางหลักเกณฑ์อนุกรรมการมีการให้คะแนนค่อนข้างน้อย แม้กกต.จะเพิ่มคะแนนให้แต่ภาพรวมการประเมินทั้งหมดก็ไม่ผ่านเกณฑ์ 60%"
ด้าน"แหล่งข่าว" ภายในสำนักงานกกต. เล่าให้ฟังว่า 4 เสียงที่ประเมินให้"ภุชงค์" ทำงานไม่ผ่าน มองในเรื่องประสิทธิภาพที่มีความล่าช้าเกิดขึ้น ประสิทธิผลการทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จ สิ่งสำคัญที่สุด คืองานท้าทาย ที่เลขาธิการรับปากว่าจะทำให้สำเร็จก็ไม่สำเร็จ อาทิ การจัดทำศูนย์พัฒนาเทคโนโลยี การปรับปรุงโครงสร้างอัตรากำลัง การปรับปรุงอาคารสำนักงานภายในกกต. และการจัดตั้งศูนย์ข่าวกรอง เป็นต้น
งานทั้งหมดนี้ไม่เป็นรูปเป็นร่าง และเลขาธิการกกต. เพิ่งจะลงนามเซ็นสัญญาจัดซื้อจัดจ้างเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นการลงนามก่อนหมดปีงบประมาณเพียงแค่ 2 วัน จึงถือว่าปล่อยปละละเลยการทำงานก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังมีปมปัญหาที่คลางแคลงใจกรรมการแต่ละท่าน ถึงกับต้องการตั้งคณะกรรมการสอบวินัย “ภุชงค์” กรณีมีการนำความลับของที่ประชุม กกต.ไปเผยแพร่ทางสื่อ รวมถึงกรณีการถูกร้องเรียนปมทุจริตด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดสร้างสำนักงานกกต.จังหวัดที่มีคำสั่งให้เปิดประมูล การจัดซื้อเสื้อสูท การจัดทำงบเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 ที่สูงเกินความเป็นจริง ส่งผลให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ท้วงติงอีกด้วย
คำสั่งปลดกลางอากาศครั้งนี้ ทำให้ “ภุชงค์” แม่บ้านกกต.ท่านนี้ ถึงกับปาดน้ำตา ยอมรับกับสื่อว่า การดำเนินงานในโครงการต่างๆ จนเป็นผลให้มีความล่าช้านั้น ทุกโครงการถูกกกต.สั่งรื้อ สั่งแก้ บางโครงการ กกต.สั่งให้ขยายเวลาการดำเนินการออกไปเอง บางโครงการกกต.ก็สั่งระงับโครงการ ส่งผลทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้
"ตลอด 2 ปีสำหรับการทำงานกับกกต.ชุดปัจจุบัน มีการล้วงลูกมาโดยตลอด ทั้งที่เป็นอำนาจของเลขาธิการ กลายเป็นว่ากกต.อยากทำอะไรก็ได้ เพียงแค่มีมติ การล้วงลูกการทำงานมีทั้งเรื่องการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ การตั้งเงินเดือนให้ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญประจำตัวกกต.ที่สำนักงานต้องจ่ายให้รวมเป็นเงิน 24 ล้านบาทต่อปี ส่งผลให้งบของสำนักงาน กกต. ลดน้อยลงมาก"
ชนวนเหตุสำคัญของการล้วงลูก คนวงในกกต. เล่าให้ฟังว่า อาจเป็นเพราะปัญหาระบบการทำงานภายในกกต. ที่มีการแบ่งงานเป็นด้าน และมีรองเลขาธิการที่ขึ้นตรงต่อตัวกรรมการ กกต.แต่ละด้านจะสั่งงานผ่านรองเลขาธิการประจำด้านโดยตรง โดยไม่ผ่านเลขาธิการ ส่งผลให้แม่บ้านกกต.เป็นตำแหน่งบริหารที่ลอยไปลอยมา ไม่มีมือไม้ในการสั่งงาน ทำเอาผลงานไม่เข้าตากรรมการ
"ตำแหน่งเลขาธิการ กลายเป็นตำแหน่งลอยๆ ที่ไม่มีใครสนใจ เพราะรองเลขาธิการแต่ละด้าน ก็จะสนใจกับคำสั่งของกกต.เท่านั้น แต่เมื่องานไม่เดินคนที่โดนตำหนิในที่ประชุมก็คือเลขาธิการ เพราะมีตำแหน่งเป็นแม่บ้านของสำนักงาน ซึ่งก็น่าเห็นใจ"
คนวงในกกต. แนะวิธีแก้ว่า ต้องแก้ที่ระบบการทำงานของกกต. ให้คล้ายคลึงกับการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่ตัวกรรมการเป็นบอร์ด มีเลขาธิการคอยบริหารงาน เมื่อมีเรื่องร้องเรียนก็มีการตั้งกรรมการเป็นประธานพิจารณาในแต่ละเรื่อง ถือเป็นการป้องกันการล้วงลูกการทำงานขององค์กรด้วย
และปัญหาหลักที่ทำให้ 5 เสือกกต.ปรี๊ดแตก เร่งลงนามเซ็นคำสั่งปลดทันทีนั้น คนวงในกกต. เล่าว่า เป็นเพราะคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่ออกมาระบุถึงปัญหาภายใน กกต.ในทำนองว่า กกต.ไม่ให้ความเป็นธรรมกับนายภุชงค์ และมีขบวนการเลื่อยขาเลขาธิการ กกต. ทำให้ที่ประชุมเห็นว่าควรจะยุติเรื่องดังกล่าวด้วยการลงมติ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีแนวความคิดที่เลื่อนการพิจารณาดังกล่าวเรื่องดังกล่าวออกไปอีก 1 เดือนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับการสรรหาเลขาธิการ กกต.คนใหม่นั้น ตามกฎหมายแล้วจะมีการเปิดรับสมัคร ซึ่งประธานกกต.ก็มีสิทธิเสนอชื่อผู้ที่จะทำหน้าที่เลขาธิการกกต.ให้ที่ประชุมได้
แต่ทั้งนี้การเลือกตัวเลขาธิการ กกต.คงต้องคำนึงด้วยว่าศึกภายนอกที่ต้องเจอเมื่อรัฐธรรมนูญร่างเสร็จ กกต.ต้องทำประชามติ และจัดการเลือกตั้งตามลำดับ หากเลือก“คนนอก”มานั่งตำแหน่งแม่บ้านกกต. อาจจะสานต่องานลำบากหรือไม่
"คงต้องรอดูว่า 5 เสือกกต. จะตัดสินใจอย่างไร แต่แว่วๆมาว่าจะมีการผลักดันที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญประจำกกต. หรือรองเลขาธิการที่กำลังจะเกษียณอายุมานั่งตำแหน่งแม่บ้านกกต. เพื่อสานต่องานได้ทันที"







