โอละพ่อ! สาวถูกลักพาตัว ที่แท้หนีไปอยู่กับผู้ชายที่ระยอง

โอละพ่อ! สาวถูกลักพาตัว ที่แท้หนีไปอยู่กับผู้ชายที่ระยอง

คดีพลิก! สาวถูกลักพาตัวที่แท้หนีไปอยู่กับผู้ชายที่ระยอง ตรวจกล้องวงจรปิดไปรษณีย์ต้นทาง พบเจ้าตัวมากับชายหนุ่มส่งพัสดุถึงตัวเองที่บ้าน

แถมโพสต์เฟสบุ๊คกำลังทำผมในร้าน ตำรวจแจ้งให้กลับมาขอโทษพ่อแม่ ที่ทำให้ตกใจ ด้านนายหน้าแรงงานรอดคุก สอบปากคำพบเพียงช่วยซื้อตั๋ว และหาที่พักให้เท่านั้น

กรณีนายเกษม ยางศรี อายุ54ปี และนางหนูจร ยางศรี อายุ54ปี สองสามีภรรยา ชาวอ.สร้างคอม จ.อุดรธานี เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เพื่อขอให้ช่วยสืบสวนติดตาม น.ส.นิภาภรณ์ หรือ นิ ยางศรี อายุ 25 ปี บุตรสาว ที่หายตัวไป ไม่สามารถติดต่อได้ หลังจากที่ลูกสาวพร้อมกับญาติอีกคน จะเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ กับนายหน้าเถื่อนที่มาชักชวนให้ลูกสาวไปทำงาน แต่ไม่ได้เดินทางไป เพราะไม่ผ่านการตรวของด่านตรวจคนหางาน ของกรมการจัดหางาน ตรวจสอบที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แล้วไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศ และหลังจากนั้นวันที่ 18 พฤศจิกายน ก็ไม่สามารถติดต่อกับลูกสาวได้อีก แต่กลับมีจดหมายส่งมาในกล่องพัสดุไปรษณีย์ว่า ลูกสาวถูกลักพาตัวอยู่ในเรือ

ความคืบหน้ากรณีดังดล่าว เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 พฤศจิกายน นางยุทธศาสตร์ ทูลกลาง นักวิชาการแรงชำนาญการ สนง.จัดหางาน จ.อุดรธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ เดินทางไปพบ นายเกษม และ นางหนูจร ยางศรี ที่บ้านเพื่อสอบถามข้อมูล กรณีที่ น.ส.นิภาภรณ์ ถูกนายหน้าเถื่อนหลอกไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยมีญาติพี่น้องที่ทราบข่าว เดินทางมาร่วมให้ข้อมูล ทราบว่า นายหน้ารายนี้ คือ นางสุกัญญา หรือ จิ๋ม อายุ 35 ปี ซึ่งทางตำรวจ สภ.สร้างคอม ได้ควบคุมตัวไว้ และเตรียมนำส่งให้ทาง พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรานี ทำการสอบปากคำ ซึ่งด้านนางหนูจร แม่ของ น.ส.นิภาภรณ์ บอกไม่ขอสัมภาษณ์อะไรอีก เพราะกลัวว่าลูกสาวจะถูกฆ่าตาย

ต่อมาเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.ท.พรพิชิต สุปัญโญ รอง ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.ท.สุชัย นันท์แก้ว สว.สส.พบข้อมูลว่า น.ส.นิภาภรณ์ ยังคงมีชีวิตอยู่ และไม่ได้ถูกลักพาตัว โดยอยู่ที่ จ.ระยอง กับชายคนหนึ่ง ซึ่งจากการประสานงานจนสามารถติดต่อกับชายที่อยู่กับ น.ส.นิภาภรณ์ ได้ ขณะที่ยังได้ภาพวงจรปิดที่ไปรษณีย์มาบตาพุด จ.ระยอง สถานที่ที่ส่งพัสดุไปรษณีย์กลับมาให้นางหนูจร โดยเป็นภาพที่ น.ส.นิภาภรณ์ เป็นผู้ส่งพัสดุด้วยตนเองมากับชายหนุ่มคนหนึ่ง

นอกจากนี้ล่าสุด มีการโฟสต์ภาพ น.ส.นิภาภรณ์ กำลังนั่งทำผมในร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งด้วย โดยได้รายงานให้ พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานีรับทราบ

ขณะที่ พล.ต.ต.พีระพงศ์ฯ ได้ทำการสอบปากคำ นางสุกัญญา ที่ถูกระบุว่าเป็นนายหน้าเถื่อน ส่งคนงานไปทำงานต่างประเทศ โดย นางสุกัญญา ให้การว่ารู้จักกับ น.ส.นิภาภรณ์ และผู้ที่จะร่วมเดินทางไปเกาหลีใต้อีก 2 คน เพราะเป็นญาติพี่น้องกัน ซึ่งก่อนหน้า น.ส.นิภาภรณ์ มาหาที่บ้านบอกว่า อยากจะไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้ กับญาติอีก 2 คน ขอให้ตนดำเนินการซื้อตั๋วเครื่องบินและดำเนินการต่าง ๆ ให้ ซึ่งตนได้คิดค่าบริการคนละ 35,000 บาท โดยได้กำไรจากค่าดำเนินการคนละ 5,000 บาท จากนั้นได้ติดต่อซื้อตั๋วจองห้องพักผ่านทางอินเตอร์เนต และนั่งรถทัวร์จาก อ.เพ็ญ ลงไปกรุงเทพด้วยกัน

“เมื่อถึงกรุงเทพ ได้เปิดห้องพักเพื่อพักผ่อนอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเดินทาง แต่ น.ส.นิภาภรณ์ ไม่มาด้วย โดยมีผู้ชายมารับไปข้างนอก จนช่วงเย็น น.ส.นิภาภรณ์ จึงกลับเข้ามาพร้อมแฟน และไปสนามบินสุวรรณภูมิด้วยกัน เมื่อได้เช็คอินตั๋วโดยสาร โหลดกระเป๋า เตรียมขึ้นเครื่อง แต่เมื่อต้องเข้าผ่านด่านตรวจของกรมการจัดหางาน ที่มีการสอบปากคำก่อนออกเดินทาง ปรากฎว่าทั้งหมดไม่ผ่านการสอบปากคำ ถูกกักตัวไว้จนเครื่องบินออกเดินทางไปแล้วจึงปล่อยตัวมา เมื่อไม่ได้เดินทางต่างคนก็แยกย้ายกัน โดยญาติ 2 คนของ น.ส.นิภาภรณ์ บอกว่าจะกลับไปทำงานที่เดิม ส่วน น.ส.นิภาภรณ์ ก็บอกว่าจะกลับบ้าน จ่ากนั้นตนก็ไม่ได้มีการติดต่อกันอีก จนเช้าวันนี้มีตำรวจมาหาที่บ้านพัก และนำตัวออกมาสอบสวนดังกล่าว ซึ่งตนไม่เกี่ยวข้องว่าจะพาไปทำงานเมืองนอก ตนทำเพียงต่อต่อหาตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ให้เท่านั้น”

พล.ต.ต.พระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากที่ตำรวจ ภ.จว.อุดรธานี ได้ประสานไปยัง กก.1บก.ปคบ.เพื่อร่วมติดตามหาตัว น.ส.นิภาภรณ์ฯ ซึ่งได้ข้อมูลแน่ชัดว่า น.ส.นิภาภรณ์ ไม่ได้ถูกหลอกลวงแต่อย่างใด ขณะนี้ทราบว่าอยู่ที่ระยองกับเพื่อนชาย โดยอยู่ในระหว่างการติดต่อประสานงานกันกับทางตำรวจ ซึ่งเรื่องที่เกิดเป็นเรื่องของความประพฤติส่วนตัวของเขา ที่จะหนีพ่อแม่ไปที่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเขา โดยก่อนหน้าที่มีการส่งจดหมายข้อความมาในกล่องพัสดุว่าถูกลักพาตัว ซึ่งเป็นเรื่องของคดีอาญา ตำรวจจึงต้องเร่งดำเนินการสืบสวนติดตามตัวให้ได้

“เราต้องถนอมความรู้สึกของผู้เป็นพ่อแม่ ตำรวจจึงทำงานให้เพื่อพิสูจน์ว่ามีการลักพาตัวจริงหรือไม่ จนทราบว่าไม่มีการลักพาตัวแต่อย่างใด ผมขอเรียนถึง น.ส.นิภาภรณ์ ผ่านทางสื่อมวลชนด้วยว่า ขอให้กลับบ้าน พ่อแม่และทางตำรวจให้อภัย ซึ่งการที่ทำอย่างไร ไม่ได้มีความผิดทางอาญา เป็นเพียงการหลอกพ่อแม่จะไปเที่ยวพักผ่อนอย่างไร ก็ขอให้กลับบ้าน ให้คิดถึงหัวอกพ่อแม่บ้าง เพราะตัวเองอายุก็เริ่มมากขึ้น น่าจะรู้ผิดถูก อย่าให้พ่อแม่ต้องทุกข์ทรมานใจเลย คนเราผิดพลาดกันได้”

พล.ต.ต.พีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีของนางสุกัญญา ที่มีวิธีการเหมือนกับจะเป็นนายหน้าส่งแรงงานเถื่อน แต่ความจริงไม่ใช่ โอละพ่อว่าเป็นเรื่องที่ติดต่อซื้อตั๋วเครื่องบินและที่พักเท่านั้น ซึ่งหากมีการสอบสวนแล้วว่าเป็นการดำเนินการเช่นนี้จริง ก็ไม่มีความผิด ที่ได้รับเงินส่วนต่างจากการค้าขายที่เป็นเรื่องปกติในการทำธุรกิจ แต่หากมีผู้มาแจ้งความว่ามีการติตต่อหลอกไปทำงานต่างประเทศจริงก็จะต้องถูกจับกุม

“ทั้งนี้เรื่องของ น.ส.นิภาภรณ์ หลักฐานที่ตำรวจเราได้มา คือ ภาพวงจรปิด ที่ไปรษณีย์มาบตาพุด จ.ระยอง ที่เห็นว่าผู้มาส่งกล่องพัสดุกลับมาบ้านก็คือตัว น.ส.นิภาภรณ์ เอง อีกทั้งหลักฐานเดิมที่มี เช่น จดหมายที่เขียนส่งมาให้แม่ บอกว่าเขียนในห้องมืด แต่กลับเขียนได้อย่างสวยงามเป็นเส้นตรง แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นความทุกข์ใจของพ่อแม่ ซึ่งเราก็ทำงานไขคดีให้จนกระจ่าง” พล.ต.ต.พีระพงศ์กล่าว