เยือนถิ่นภูเขาไฟ

เยือนถิ่นภูเขาไฟ

บางทีการเที่ยวตามคำขวัญประจำจังหวัดนั้นๆ ก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกสนานไม่ใช่น้อย อย่างเช่นบุรีรัมย์ เมืองนี้มีคำขวัญว่า...

เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม


บุรีรัมย์มีปราสาทหินที่สำคัญหลายแห่ง แต่ที่ดูจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนทั่วโลกมาสัมผัสคือ ปราสาทหินพนมรุ้ง และปราสาทเมืองต่ำ นอกจากนี้ชื่อเสียงความงามของผ้าไหมบุรีรัมย์ก็ทำให้คนในจังหวัดนี้มีเศรษฐกิจที่ดีได้เช่นกัน ยังไม่นับประเพณีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์อีกมากมาย


ดูเหมือนว่าทุกๆ อย่างจะแจ่มชัด แต่ถ้าถามถึง “ภูเขาไฟ” บางคนอาจจะไม่เคยทราบด้วยซ้ำว่าบุรีรัมย์เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีภูเขาไฟ และไม่ใช่มีน้อยๆ มีถึง 6 ลูกด้วยกัน แต่...อย่าเพิ่งตกใจ เพราะตอนนี้ภูเขาไฟทั้งหมดดับสนิทแล้ว


ภูเขาไฟในบุรีรัมย์เกิดจากการไหลทะลักของลาวา โดยกระจายอยู่ห่างจากแนวรอยเลื่อนขึ้นไปทางเหนือเป็นระยะ ๆ ซึ่งภูเขาไฟแนวแรกอยู่ห่างจากแนวรอยเลื่อนประมาณ 40 กิโลเมตร ได้แก่ ภูเขาไฟคอก แนวที่สองห่างจากแนวรอยเลื่อนประมาณ 45 กิโลเมตร ได้แก่ ภูเขาไฟหลุบ และภูเขาไฟไปรบัด ส่วนแนวที่สามห่างจากแนวรอยเลื่อนประมาณ 50 กิโลเมตร ได้แก่ ภูเขาไฟพนมรุ้ง ภูเขาไฟอังคาร แนวสุดท้ายอยู่ห่างจากแนวรอยเลื่อนมากที่สุดประมาณ 75 กิโลเมตร คือภูเขาไฟกระโดง


ภูเขาไฟแต่ละแนวเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้วมีอายุแตกต่างกันไป แนวที่อยู่ใกล้รอยเลื่อนมากที่สุด มีอายุเก่าแก่ที่สุดคือประมาณไม่เกิน 2 ล้านปี และภูเขาไฟแนวทางเหนือสุดและอยู่ห่างจากแนวรอยเลื่อนมากที่สุดอย่างภูเขาไฟกระโดง ถือเป็นภูเขาไฟที่มีอายุน้อยที่สุดลูกหนึ่งของประเทศไทย
หลายคนเริ่มอยากทราบแล้วว่า ภูเขาไฟแต่ละลูกของบุรีรัมย์ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน และมีลักษณะอย่างไรบ้าง ขอเล่าตามระยะภูเขาไฟที่อายุน้อยที่สุดก่อนก็แล้วกัน


ภูเขาไฟกระโดง ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง ภายในวนอุทยานเขากระโดง ในบรรดาภูเขาไฟทั้ง 6 ลูก ที่นี่เป็นภูเขาไฟที่สามารถเห็นปากปล่องภูเขาไฟได้ชัดเจนที่สุด บริเวณปากปล่องภูเขาไฟมีลักษณะเป็นแอ่งลึก ทางจังหวัดมีการสร้างสะพานแขวนข้ามปากปล่องภูเขาไฟ นักท่องเที่ยวจึงสามารถเดินไปบนสะพานแขวนเพื่อชมวิวปากปล่องภูเขาไฟได้ หรือจะเดินชมด้านล่างก็สะดวกดี


ต่อมาคือ ภูเขาไฟพนมรุ้ง ตั้งอยู่ที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ภายในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง แน่นอนว่า ที่นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนแวะมาเที่ยวชม เพราะบริเวณยอดเขาเป็นที่ตั้งของปราสาทหินพนมรุ้ง ส่วน ภูเขาไฟเขาอังคาร ตั้งอยู่ที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติเหมือนกัน และอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากภูเขาไฟพนมรุ้งมาก ซึ่งที่บริเวณยอดเขาอังคารเป็นที่ตั้งของวัดเขาพระอังคาร ศาสนสถานที่มีอุโบสถสวยงามทั้งรูปแบบสถาปัตยกรรมและภาพจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่ด้านใน


ใกล้แนวรอยเลื่อนเข้าไปอีกนิดในเขตอำเภอประโคนชัย และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ คือที่ตั้งของ ภูเขาไฟไปรบัด ถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้เลยว่านี่คือภูเขาไฟ เพราะเป็นเพียงแค่เนินเขาเตี้ยๆ แต่บนยอดเขานั้นก็เป็นที่ตั้งของปราสาทเขาไปรบัด ปราสาทขอมที่สร้างจากหินทรายเช่นเดียวกับปราสาทหินพนมรุ้ง ส่วน ภูเขาไฟหลุบ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเฉลิมพระเกียรติ มีซากปล่องปะทุระเบิดเหลืออยู่เป็นรูปโค้ง แต่เห็นไม่ชัดมาก ซึ่งบนยอดเขามีร่องรอยของวัดโบราณอยู่


สุดท้ายเป็นภูเขาไฟที่อายุมากที่สุดในบุรีรัมย์ นั่นคือ ภูเขาไฟเขาคอก ตั้งอยู่ในอำเภอประโคนชัย ซึ่งไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก เพราะมีสภาพไม่ชัดเจน แต่ที่นี่ก็เป็นต้นกำเนิดของห้วยเสว และเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางธรณีวิทยาที่สำคัญ


เป็นจังหวัดที่รุ่มรวยภูเขาไฟขนาดนี้ เริ่มรู้สึกว่า “บุรีรัมย์” น่าสนใจขึ้นมาหรือยัง