ตร.ตรวจพื้นที่รอบพารากอน-ราชประสงค์ ติดกล้องวงจรปิด

"พล.ต.ท.ประวุฒิ"ระบุตรวจพื้นที่รอบพารากอน-ราชประสงค์ ประสานห้างฯติดกล้องวงจรปิดในระดับสายตา และเน้นความคมชัดมากขึ้น
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ. พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจวัตถุระเบิด (EOD) พร้อม เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการสุนัขดมกลิ่น (K-9)เจ้าหน้าที่ทหาร ม.พัน 1 รอ. และ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ร่วมปล่อยแถวเพื่อตรวจสอบพื้นที่โดยรอบห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน สี่แยกราชประสงค์ และศูนย์การค้าสยามเซนเตอร์ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกับทางนักท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า การปล่อยแถวในวันนี้ได้แบ่งเป็นสามจุด และจะกระจายไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ เอเชียทีค สวนจตุจักร พระบรมมหาราชวัง และได้เน้นย้ำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยช่วยกันตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย ส่วนในเรื่องของกล้องวงจรปิดที่ทางห้างสรรพสินค้าติดตั้งไว้ อยากให้มีการติดตั้งกล้องเพิ่มเติม เนื่องจากคนร้ายจะรู้ว่ากล้องจะติดอยู่ด้านบนเสมอ จึงทำให้เวลาก่อเหตุคนร้ายจะก้มหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับภาพได้ขณะก่อเหตุ จึงอยากให้มีการติดกล้องในแนวระดับสายตา และอยากให้ทางห้างเน้นเรื่องความคมชัดของกล้องให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีความคืบหน้าชายใส่เสื้อสีฟ้าที่บริเวณสะพานสาทร ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นคนนำระเบิดไปวางไว้ในจุดดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบย้อนหลังว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ยังไม่ยืนยันว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ในส่วนของเส้นทางที่ชายเสื้อฟ้าใช้เดินทางนั้น มีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในส่วนนี้ และไม่ใช่เส้นทางเดียวกันกับชายเสื้อเหลืองที่ก่อเหตุที่สี่แยกราชประสงค์ เบื้องต้นคาดว่าชายเสื้อฟ้าที่ก่อเหตุที่สะพานสาทรเป็นชาวเอเชีย
ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ในส่วนของคดีตอนนี้มีความคืบหน้าอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่สามารถให้รายละเอียดได้ และสำหรับคลิปวิดีโอที่ถูกปล่อยอยู่ในโซเชียลมีเดียตอนนี้ ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยืนยันว่าเป็นความจริงหรือไม่ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เป็นคนให้ข้อมูลในส่วนนี้ การแชร์คลิปเป็นการแชร์ของกลุ่มคนที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้นผู้เผยแพร่หรือนำไปเผยแพร่ต่อต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกำหมายต่อไป.




