ลูก'เสี่ยชูวงษ์'นักธุรกิจหมื่นล. ร้อง'ประยุทธ์'สางปมดับบิดา

ลูก'เสี่ยชูวงษ์'นักธุรกิจหมื่นล. ร้อง'ประยุทธ์'สางปมดับบิดา

เปิดหนังสือญาติ"เสี่ยชูวงษ์" ยื่นร้องขอ"พล.อ.ประยุทธ์" อนุเคราะห์คดีคลี่ปมสาเหตุเสียชีวิต ยกหลายจุดซ้อนเงื่อนล้วนเป็นปริศนา

ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ฝั่งสำนักงานก.พ. ถนนพิษณุโลก นายกันต์ แซ่ตั๊ง บุตรชายของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตภายในรถยนต์ที่มีอดีตรัฐมนตรี ยศพันตำรวจโท เป็นผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุ พร้อมบุคคลในครอบครัว 5 คน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ผ่านนายสาธิต สุทธิเสริม นิติกรชำนาญการ ศูนย์บริการประชาชนฯ เป็นตัวแทนรับเรื่อง เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้มีการสืบสวนข้อเท็จจริงว่า เหตุการณ์การเสียชีวิตมาจากอุบัติเหตุ เจตนาทำให้เสียชีวิต หรือมีสาเหตุอื่นเพิ่มเติม

โดย นายกันต์ กล่าวว่า ทางญาติพี่น้องมีประเด็นที่ยังติดใจหลังจากไปดูในที่เกิดเหตุ เพราะพบข้อสงสัยหลายเรื่อง เช่น ไม่พบรอยห้ามล้อในที่เกิดเหตุ และความเสียหายของตัวถังรถยนต์ไม่มาก รวมถึงช่วงเวลาที่ภรรยาคนขับรถแจ้งกับภรรยาของผู้เสียชีวิตทิ้งช่วงจากเกิดอุบัติเป็นเวลานาน และที่สำคัญคำบอกเล่าของคนขับว่า ผู้เสียชีวิตได้รับแรงกระแทกแต่ผลการตรวจของแพทย์ไม่พบร่องรอยกระแทกรุนแรง นอกจากนั้นยังพบว่า ก่อนหน้านั้นผู้ตายมีการโอนหุ้นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เกิดความเคลือบแคลงในการเสียชีวิต จึงขอให้มีการสืบสวนสอบสวน สาเหตุที่แท้จริงคืออะไรหรือมีแรงจูงใจเรื่องทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตหรือไม่

ขณะที่หนังสือร้องเรียนของนายกันต์ บุตรชายของนายชูวงษ์ทำถึงพลเอกประยุทธ์มีข้อความว่า " นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง บิดาของข้าพเจ้า ได้ถึงแก่ความตาย พบศพอยู่ในรถยนต์เล็กซัส หมายเลขทะเบียน ภฉ-1889 กรุงเทพมหานครฯ ซึ่งรถยนต์คันดังกล่าวมีพันตำรวจโท (นอกราชการ) บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นคนขับ เหตุเกิดบริเวณฝั่งตรงข้ามซอย 61 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ในเขตท้องที่ของสถานีตำรวจนครบาลอุดมสุข เบื้องต้นข้าพเจ้าและครอบครัวได้รับคำบอกเล่าจากพันตำรวจโทบรรยิน คนขับรถยนต์คันเกิดเหตุว่า พันตำรวจโทบรรยิน ขับรถยนต์คันดังกล่าว พร้อมด้วยนาย ชูวงษ์ ผู้ตาย ออกจากสนามกอล์ฟเลควูด เพื่อไปส่งนายชูวงษ์ที่บ้านพัก เมื่อขับรถยนต์มาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ พันตำรวจโทบรรยิน อ้างว่า มีรถสวนขึ้นมาตนเองจึงหักพวกมาลัยรถหลบไปทางด้านซ้ายของถนน รถได้แล่นออกนอกถนนไปชนกับต้นไม้ เป็นเหตุให้นายชูวงษ์ถึงแก่ความตาย

จากการที่ ข้าพเจ้าและญาติพี่น้องไปตรวจดูสถานที่เกิดเหตุ มีข้อสงสัยว่า รถยนต์คันเกิดเหตุแล่นเลี้ยวออกนอกพื้นผิวถนนเข้าไปในช่องว่างระหว่างฟุตบาทของถนน ราวกับว่า ผู้ขับต้องการเลี้ยวรถให้เข้าไปในช่องว่างดังกล่าว ดังปรากฎตามภาพถ่ายที่แนบมาพร้อมนี้ และต้นไม้ที่รถยนต์คันที่พันตำรวจโท บรรยิน เป็นคนขับชนนั้น เป็นต้นไม้ไม่ใหญ่โตมากนักตามภาพถ่าย ทั้งรถยนต์ก็บุบสลายไม่มาก กระจกไม่แตก ส่วนจุดชนก็เอียงมาข้างคนขับ มิใช่ส่วนที่ตรงกับที่นั่งโดยสารของนายชูวงษ์ผู้ตาย ซึ่งถึงแม้นายชูวงษ์ผู้ตายจะไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยดังที่พันตำรวจโทบรรยิน คนขับบอกเล่า แรงกระแทกของรถยนต์ต่อต้นไม้ในลักษณะที่ปรากฎตามภาพถ่าย ก็ไม่น่าจะเป็นเหตุให้ นายชูวงษ์ ถึงกับต้องเสียชีวิตในที่เกิดเหตุโดยทันที

ทั้งนี้ที่เกิดเหตุก็ไม่พบร่องรอยห้ามล้อของรถยนต์คันเกิดเหตุแต่ประการณ์ใด ทั้งๆที่รถยนต์แล่นออกนอกผิวถนนไปสู่เส้นทางขรุขระพอสมควร จึงชนต้นไม้ และหากหักพวงมาลัยรถหลบไปทางด้านซ้ายออกนอกผิวถนน ในภาวะฉุกเฉินเช่นนั้น โดยวิสัยผู้ขับรถสิ่งที่ต้องกระทำประการแรกก็คือ เหยียบเบรกห้ามล้อเพื่อยับยั้งมิให้รถแล่นต่อไป แต่กลับไม่ปรากฎร่องรอยห้ามล้อรถในที่เกิดเหตุแต่อย่างใด ซึ่งนอกจากจะไม่ปรากฎร่องรอยห้ามล้อรถดังกล่าวแล้ว ก็ยังไม่มีที่ผู้ขับรถคันดังกล่าวต้องหักพวงมาลัยรถกลับมาทางด้านขวาอีก จนรถตั้งตรงพุ่งเข้าชนต้นไม้ซึ่งมีเพียงต้นเดียวในที่เกิดเหตุตามภาพถ่าย

นอกจากนี้ จากคำบอกเล่าของพันตำรวจโท บรรยิน ว่า ตนเองขับรถยนต์คันเกิดเหตุพร้อมด้วยนายชูวงษ์ผู้ตาย ออกจากสนามกอล์ฟเลควูดประมาณ 19 นาฬิกา ซึ่งเมื่อคำนวณระยะทางจากสนามกอล์ฟถึงที่เกิดเหตุแล้วประมาณ 30 กิโลเมตร รถยนต์คันเกิดเหตุน่าจะใช้เวลาแล่นไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่ปรากฎว่าภรรยาของพันตำรวจโทบรรยิน โทรศัพท์แจ้งเหตุให้ภรรยาของผู้ตายทราบเมื่อเวลาประมาณ 22 นาฬิกา ภรรยาผู้ตายพร้อมบุตร ได้เดินทางไปที่เกิดเหตุ พบว่า พันตำรวจโทบรรยิน ยังคงนั่งอยู่ในรถคาดเข็มขัดนิรภัย โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างไร และขณะเดียวกันนั้นหน่วยกู้ภัยของมูลนิธิก็มาถึงรถยนต์คันเกิดเหตุพอดี ช่วยกันนำร่างของผู้ตาย ซึ่งศรีษะซุกอยู่ใต้คอนโซลหน้ารถออกมาปั้มหัวใจ ดังนั้นระยะเวลาเริ่มต้นเดินทางจากสนามกอล์ฟจนภรรยาผู้ตาย รับแจ้งเหตุและเดินทางไปยังที่เกิดเหตุพบสภาพผู้ขับรถคันเกิดเหตุพร้อมผู้ตายดังกล่าวมาแล้ว ใช้เวลาเกินสมควรกว่าที่ควรจะเป็นประมาณ 2 ชั่วโมงทำให้ครอบครัวผู้ตายเกิดความสงสัยคลางแคลงใจว่าเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงที่ขาดหายไปนั้น อาจมีเหตุการณ์กระทำต่อผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายและซุกศรีษะผู้ตายไว้ใต้คอนโซลหน้ารถ ก่อนที่จะมีเหตุการณ์รถยนต์ชนต้นไม้เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ส่งผู้ตายไปที่โรงพยาบาลสิรินธร ภายหลังเกิดเหตุเพื่อพยายามปั้มหัวใจช่วยชีวิตผู้ตายให้พลิกฟื้น แพทย์ได้ตรวจดูบริเวณช่องอกและช่องท้องเพื่อพิสูจน์ทราบว่า จากแรงกระแทกดังกล่าวดังที่คนขับรถบอกเล่า ย่อมทำให้บริเวณช่องอกและช่องท้องช้ำ เกิดเลือดออกในช่องอกและช่องท้อง แต่ไม่ปรากฎว่าช่องอกและช่องท้องของผู้ตายมีร่องรอยกระแทกอย่างรุนแรง หรือมีเลือดออกในช่องอกและช่องท้องแตกอย่างใด ทำให้กระโหลกช้ำ ดังที่แพทย์ช่วยชีวิตของโรงพยาบาลสิริธร บอกกล่าวครอบครัวผู้ตายในเบื้องต้น

ครั้นเมื่อเสร็จสิ้นงานศพผู้ตาย ซึ่งได้รับการพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษแล้ว จากการตรวจสอบเอกสารที่ส่งมาถึงผู้ตาย จึงทราบว่าก่อนหน้านี้ในระยะเวลา 10 วัน ที่ผู้ตายจะถึงแก่ความตาย ทางบริษัทหลักทรัพย์แจ้งว่าผู้ตายได้โอนหุ้นในนามของผู้ตาย เข้าไปไว้ในบัญชีหุ้นของผู้หญิงสองคน คิดเป็นมูลค่าหุ้นประมาณสามร้อยล้านบาท ซึ่งทางครอบครัวสอบถามทางบริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าว แล้วทราบว่าเบื้องต้น เอกสารการโอนหุ้นดังกล่าว จึงเป็นชนวนให้เกิดเหตุความเคลือบแคลงใจ สงสัยส่วนสาเหตุการตายดังกล่าว ว่าเป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทกันแน่ซึ่งขณะนี้ครอบครัวผู้ตายได้แจ้งความดำเนินคดีเกี่ยวกับการโอนหุ้นของผู้ตาย และรับทราบว่าผู้ถือหุ้นได้มีการจำหน่ายหุ้นของผู้ตายไปส่วนหนึ่งแล้ว ทั้งก่อนและหลังผู้ตายเสียชีวิต และพยายามโอนขายหุ้นอย่างต่อเนื่องและได้รับเงินจากการจำหน่ายหุ้นบางส่วนไปจำนวนหนึ่งแล้ว

จากข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงมีเหตุเคลือบแคลงสงสัยในเหตุการณ์ตายของผู้ตายเป็นอย่างยิ่ง จึงกราบเรียนมาเพื่อขอให้ พณฯ ท่านนายกรัฐมนตรี โปรดช่วยอนุเคราะห์สั่งการให้มีการดำเนินการสืบสวนสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ตายของผู้ตายดังกล่าวว่า เกิดจากเหตุใดแน่ เจตนาทำให้ผู้ตาย ตายเพราะแรงจูงใจในเรื่องทรัพย์สินเงินทองของผู้ตาย หรือเพราะเหตุการณ์ประมาทกันแน่ เพื่อทำความกระจ่างให้เกิดขึ้นต่อครอบครัวของผู้ตาย อันจะเป็นพระคุณอย่างสูงแก่ครอบครัวของผู้ตาย 

ด้านนายเอนก คำชุ่ม ทีมทนายความครอบครัวคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน กล่าวว่า ขณะนี้ได้ไปแจ้งความให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามทราบ โดยประเด็นที่สงสัยคือการปลอมแปลงเอกสารหุ้น และการโอนหุ้นก่อนเสียชีวิต ซึ่งโอกาสที่หุ้นจะถูกจำหน่ายไปสามารถทำได้โดยง่าย สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังสอบสวนอยู่ ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.บรรยินระบุว่า หญิงสาว 2 รายที่ได้รับโอนหุ้นนั้น รู้จักกับพี่สาวของผู้ตาย ตนขอให้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเอกสารจะดีกว่า เพราะเอกสารระบุอย่างไรก็ให้เป็นอย่างนั้น เชื่อมโยงถึงใครขอให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ตรวจสอบ เชื่อว่า จะสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมดว่า เอกสารเชื่อมโยงไปถึงใครบ้าง อย่าเพิ่งกล่าวหาใคร อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ญาติผู้เสียชีวิตไม่รู้จักกับหญิงสาวทั้ง 2 ราย

"วันนี้ขอให้นายกฯ เร่งสั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เพราะทางญาติผู้เสียชีวิตยังมีข้อสงสัยในการตายว่าประสบอุบัติเหตุหรือมีเหตุอื่นหรือไม่ เราไม่ได้กล่าวหาใคร ขอให้ดูข้อเท็จจริงพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่ต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ส่วนกรณีการซื้อที่ดินที่ผู้ตายร่วมซื้อกับพ.ต.ท.บรรยินที่จ.นครสวรรค์ แต่รายชื่อในที่ดินกลับเป็นชื่อของภรรยาผู้ตาย และผู้ตายนั้น ไม่ใช่สาระสำคัญเพราะเป็นการซื้อที่ดินร่วมหุ้นตามปกติ โดยไม่มีข้อพิพาท ทุกอย่างเป็นไปตามข้อตกลงที่เกิดขึ้นระหว่างนายชูวงษ์และพ.ต.ท.บรรยิน จะใส่ชื่อใครก็เป็นข้อตกลงของคู่กรณี ซึ่งมีบันทึกการลงทุนอย่างชัดเจน เรื่องนี้ได้คุยกับพ.ต.ท.บรรยินแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร หากจะขอซื้อคืน ขอให้บอกมา ส่วนการซื้อที่ดินที่จ.พิษณุโลก เป็นการลงทุนประมาณ 4-5 ล้านบาท แต่เป็นการวางมัดจำไว้ก่อน ไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้ แต่ขณะนี้มีความสงสัยในเรื่องหุ้นเพียงอย่างเดียว” นายเอนก กล่าว