ฝากขัง 'กิตติศักดิ์'คดียักยอกสจล.ไร้ญาติประกันตัว

ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขัง “กิตติศักดิ์ มัทธุจัด” ไร้ญาติขอประกันตัว
ศาลจังหวัดมีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้(23 พ.ค.) ร.ต.ท.โอภาส บำรุงถิ่น พงส.กก.1.บก.ป. พร้อมกำลังได้นำตัว นายกิตติศักดิ์ หรือเป้ มัทธุจัด อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาคนสำคัญคดีลักเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือสจล. จำนวน 1,600 ล้านบาท เมื่อระหว่างปี 2555 – 2556 ตามหมายจับของศาลอาญาเลขที่ 2363/ 2557 ลงวันที่ 26 ธ.ค. 2557 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์, ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ,ให้การสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐในการกระทำผิดฐานลักทรัพย์มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรกเป็น 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. – 3 มิ.ย. นี้ เนื่องจากยังต้องสอบปากคำพยานอีกหลายปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหา และอื่นๆ ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากคดีนี้มีมูลค่าความเสียหายสูง มีผู้ต้องหาร่วมกระทำผิดหลายคน พยานเอกสารจำนวนมาก เกรงว่า หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาจะหลบหนี และเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ไม่มีญาติหรือทนายความของนายกิตติศักดิ์ นำหลักทรัพย์มายื่นขอปล่อยชั่วคราวนายกิตติศักดิ์แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวนายกิตติศักดิ์ไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรีต่อไป
สำหรับคดีนี้เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ค 58 พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 11 (มีนบุรี) ได้เป็นโจทก์ฟ้องคดีหมายเลขดำ อ.1992/2558 โดยมีนายถวิล พึ่งมา อายุ 61 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี อดีตผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์ , น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี อดีตผู้อำนวยการส่วนการคลัง สจล. กับพวกรวม 11 คนร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันปลอมตั๋วเงินและใช้ตั๋วเงินปลอม, เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด, ร่วมกันฟอกเงิน, สนับสนุนพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต, สนับสนุนพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 264, 265, 266, 268, 335, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 3, 4, 8, 11 และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5, 7, 10 และ 60
โดยศาลจังหวัดมีนบุรี ได้นัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่ายในวันที่ 22 มิ.ย. นี้ เวลา 09. 00 น.







