ศึกษา'พระคนบ้านบ้าน' กับสถานการณ์การเมืองไทย
(รายงาน) ศึกษา "พระคนบ้านบ้าน" กรณีหลวงพ่อคูณกับสถานการณ์การเมืองไทย
“เข้ามาพวกรัฐมนตรี ส.ส.ตัวดีกูจะให้พร ไปนั่งอยู่ในสภา อย่าให้เขาด่าจงพึงสังวร แขวนพระเป็นอุทาหรณ์ประชาชนเดือดร้อน เขาจึงเดินขบวน”
คำร้องเพลง “หลวงพ่อคูณ” ร้องโดย แอ๊ด คาราบาว สะท้อนภาพพลังศรัทธาที่หลั่งไหลไปวัดบ้านไร่ในแต่ละวันที่เดินทางมานมัสการหลวงพ่อคูณ โดยเฉพาะ “นักการเมือง” ก็ต้องมาให้ท่านเคาะหัวให้เพื่อความเป็นสิริมงคล
พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ นำพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากล่าวเป็นคติธรรมคำสอนสั้นๆ ตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย ลึกซึ้งกินใจและเป็นอมตะ ง่ายต่อการนำไปปฏิบัติ ความเมตตาเปี่ยมล้นที่ตั้งอยู่บนหลักคุณธรรม ทำให้ท่านได้รับสมญานามว่า “เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด”
หลวงพ่อคูณ เป็นพระชาวบ้านที่เข้าถึงมวลชนทุกระดับชั้น ตั้งแต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน นักการเมือง ข้าราชการไปจนถึงชาวบ้านรากหญ้า ด้วยท่านมีเมตตามหานิยม มีวิธีการสั่งสอนที่ตรงไปตรงมาง่ายแก่การเข้าใจ
ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเมืองไทยเกือบทุกคน ต่างเข้าไปกราบขอพรจากหลวงพ่อคูณ ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ, ชวน หลีกภัย, บรรหาร ศิลปอาชา, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
จำได้ว่าหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ มีการเลือกตั้งทั่วไป 2535/2 ในช่วงรณรงค์หาเสียง ได้มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าไปกราบหลวงพ่อคูณ ขอให้ท่านพูดเรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียง จึงทำให้มีป้ายขนาดใหญ่ที่คัดคำพูดของหลวงพ่อมาไว้เตือนใจคนไทย
“ใครให้เงินมึงรับไว้ไม่บาป มึงคนมีบุญเขาเอามาให้ถึงบ้าน มึงจะได้ซื้อหอม น้ำตาล น้ำปลา ให้ลูกเมียมึงกิน มึงชอบใครมึงก็ลงคนนั้น กูว่าคนแจกเงินเป็นคนไม่ดี ถ้าคนดีเขาก็ไม่แจก เกิดเป็นคน เลิกกินยาโง่เสียเถิด”
ครั้งหนึ่งหลวงพ่อคูณได้เทศน์เกี่ยวกับ “ข้าราชการ” กับ “นักการเมือง” มีใจความตอนหนึ่งว่า
"เดี๋ยวนี้แผ่นดินไทย เมืองไทย มีการปกครองไม่เหมือนในอดีต นักการเมืองกลายเป็นเจ้าประเทศ นักการเมืองเป็นนักปกครองประชาชนไปเสียแล้ว นักการเมืองจะพูดอะไร ข้าราชการทุกระดับต้องเชื่อฟังไปหมด
"ถ้านักการเมืองไปเยี่ยมหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ข้าราชการหน่วยงานนั้น ต้องวิ่งหัวซุกหัวซุนไปต้อนรับขับสู้เอาใจมัน ราวกับว่านักการเมืองคนนั้นเป็นโคตรพ่อโคตรแม่ของข้าราชการ ทั้งๆที่ก่อนการเลือกตั้ง นักการเมืองมันมากราบไหวเราราวกับพ่อแม่ของมัน แต่พอมันได้รับเลือกตั้ง มันกลับทำตัวเป็นพ่อแม่ของเรา
“นักการเมืองมีหน้าที่รับใช้ประชาชน ไม่แตกต่างกับพวกข้าราชการ แต่นักการเมืองเขากลับทำตัวเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”
พลิกแฟ้มข่าวหลวงพ่อคูณกับการเมืองไทย ก็จะพบว่า พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ถือว่าเป็นลูกศิษย์นักการเมืองคนแรกๆ ที่หลวงพ่อชื่นชอบเป็นพิเศษ
เนื่องจาก พล.อ.ชาติชาย เป็นผู้สร้างความเจริญ ถนนหนทาง และมหาวิทยาลัยคือ มหาวิทยาเทคโนโลยี
สุรนารี (มทส.) ให้กับชาวโคราช รวมทั้งด้านอื่นๆ อีกจำนวน
ในวันที่เปิดตัว “พรรคชาติพัฒนา” เมื่อกลางปี 2535 หลวงพ่อคูณได้เป็นประธานพิธีเปิดที่ทำการพรรคชาติพัฒนา และท่านปรารถนาให้พรรคนี้้เป็นพรรคการเมืองของ “คนโคราช”
ดั่งเช่นในวันที่ 26 มี.ค.2554 หลวงพ่อคูณได้มาประธานพิธีเปิดที่ทำการและสำนักงานพรรคชาติพัฒนา (พรรคเก่ากลับมาตั้งใหม่อีกครั้ง) โดยมีผู้รับมรดกการเมืองของ “น้าชาติ” คือ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
ด้วยความรักและศรัทธา พล.อ.ชาติชาย หลวงพ่อคูณจึงไม่ทิ้ง “สุวัจน์” และพรรคของคนโคราช
ย้อนไปยุครุ่งเรืองของ “เครือข่ายทักษิณ” หลวงพ่อคูณตกเป็นข่าวใหญ่ ในวันพิธีเปิดอนุสรณ์สถาน พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 และอดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ที่บริเวณสวนน้าชาติ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2547
วันนั้น หลวงพ่อคูณ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ได้ปราศรัยกับมวลชนชาวโคราชนับหมื่นคนว่า
“กูอยากให้ไอ้สุวัจน์ (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) กับ ไอ้ทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ไปอยู่รวมในพรรคเดียวกัน เพราะคนไทยต้องรู้จักสามัคคีกันไม่แตกแยก ไม่เห็นแก่ตัว ให้เห็นแก่ประโยชน์บ้านเมืองเป็นหลัก การที่ไอ้สุวัจน์จะไปอยู่กับไอ้ทักษิณ กูจึงเห็นดีด้วยอย่างยิ่งเพื่อจะได้ช่วยกันพัฒนาประเทศไทยและสานต่องานต่างๆ ที่โยม พล.อ.ชาติชาย ทำค้างไว้หลายอย่างต่อไป”
ในตอนท้ายหลวงพ่อคูณ ได้กล่าวกับชาวโคราชในบริเวณงานว่า หากใครเห็นด้วยที่พรรคชาติพัฒนาไปร่วมกับพรรคไทยรักไทย ก็ให้อนุโมทนาสาธุด้วยการปรบมือพร้อมกัน ปรากฏว่าประชาชนทุกคนต่างปรบมือแสดงความเห็นด้วยอย่างกึกก้อง
การเลือกตั้งทั่วไปปี 2548 พรรคชาติพัฒนาก็ยุบรวมกับพรรคไทยรักไทย แต่หลังจากเกิดรัฐประหาร 2549 “สุวัจน์” ก็เลือกเดินสายกลางทางการเมือง
เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2558 เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 60 ปี ของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ และในโอกาสนี้ สุวัจน์ได้มอบพระเหรียญหลวงพ่อคูน รุ่น “มั่งมีศรีสุขทวีคูณ” ให้ผู้ที่มาอวยพรทุกคน
จะว่าไปแล้ว ในระยะหลังๆ สุวัจน์มีบทบาทใกล้ชิดหลวงพ่อคูณ และวัดบ้านไร่ ประหนึ่งว่าเป็น “ผู้ใหญ่” ที่คณะกรรมการวัดบ้านไร่ให้การเคารพนับถือมากที่สุด
ค่ำวันที่ 16 พ.ค.2558 “สุวัจน์” และนักการเมืองพรรคชาติพัฒนา ได้ร่วมกันกราบร่างหลวงพ่อคูณ พร้อมวางพวงมาลัยที่รอบๆ ร่าง เป็นการแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าแห่งด่านขุนทดเป็นครั้งสุดท้าย