'ประวิตร'ชงครม.ให้นับเวลาราชการทวีคูณช่วงอัยการศึก

"พล.อ.ประวิตร"ชงครม.ให้นับเวลาราชการทวีคูณช่วงอัยการศึก ระหว่าง20พ.ค.57-1เม.ย.58 ให้กับขรก.-ลูกจ้าง-พนง.ราชการกลาโหม รวมถึงทหารกองประจำการ
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าในวันอังคารที่ 12 พ.ค. นี่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่ห้องประชุม501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยวาระพิจารณาที่น่าสนใจ คือ วาระพิจารณาที่ 3 ซึ่งเป็นวาระที่กระทรวงกลาโหม เสนอผ่านพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมจะเสนอวาระการนับเวลาราชการเป็นทวีคูณของข้าราชการซึ่งประจำปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขตที่ได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2557
โดยรายงานข่าวเปิดเผยว่า สาระของเรื่องดังกล่าวระบุว่าตามที่มีประกาศกองทัพบก ฉบับที่ 1/2557 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 เรื่องการประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2557 และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 2/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เรื่องการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกใช้กฎอัยการศึกตามประกาศทั้งสองฉบับ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 นั้นกระทรวงกลาโหมพิจารณาแล้ว เห็นว่า การที่ให้ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตที่ได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก มีสิทธินับเวลาราชการในระหว่างนั้นเป็นทวีคูณได้ตามหลักเกณฑ์ในมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม อยู่ในอำนาจคณะรัฐมนตรีที่จะพิจารณาให้ข้าราชการซึ่งประจำปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขตที่ได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกให้ได้รับสิทธินับเวลาราชการเป็นทวีคูณ
"ดังนั้นเพื่อเป็นการบำรุงขวัญกำลังใจให้แก่ข้าราชการทหาร ลูกจ้าง พนักงานราชการ ในสังกัดกระทรวงกลาโหม และทหารกองประจำการที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยากลำบากและมีความเสี่ยงอันตราย ได้รับสิทธินับเวลาราชการเป็นทวีคูณโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติหลักการให้ข้าราชการทหาร ลูกจ้าง พนักงานราชการ ในสังกัดกระทรวงกลาโหมและทหารกองประจำการที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตที่ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึก ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2557 ถึงวันที่ 1 เมษายน 2558 ได้รับสิทธินับเวลาราชการเป็นทวีคูณ”







