'พล.อ.ไพบูลย์' ชี้ผลงานเพียบ สั่งดีเอสไอกู้หน้าคดีคลองจั่น

'พล.อ.ไพบูลย์' ชี้ผลงานเพียบ สั่งดีเอสไอกู้หน้าคดีคลองจั่น

"พล.อ.ไพบูลย์" แถลงผลงาน 6 เดือน คุยผลงานเพียบ ทุกกรมสอบผ่าน แม้แต่ดีเอสไอที่เละเป็นโจ๊กยังมีผลงานเด่นในคดีคลองจั่น

พร้อมเผยบัญชีดำขรก. 198 รายชื่อ มีสังกัดยธ.5 ราย สั่งปลดออกจากราชการแล้ว

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ร่วมแถลงผลงานครบ 6 เดือนกระทรวงยุติธรรม โดยพล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนได้เข้ามาผลักดันนโยบายทั้ง 5 ด้านประกอบด้วย การลดความเหลื่อมล้ำ ฟื้นฟูผู้กระทำผิดไม่ให้กระทำผิดซ้ำ ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ป้องกันและปราบปรามการทุจริต และป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ โดยแต่ละด้านมีผลงานที่เห็นได้ชัดเช่น ด้านการปราบปรามการทุจริต มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) เพื่อเดินหน้าแก้ไขการทุจริตและเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ งานด้านกระบวนการยุติธรรม มีการตั้งกองทุนเยียวยา โดยในปี 57 ที่ผ่านมา มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา 340 เรื่อง แต่เจ้าหน้าที่ทำงานไม่ทันทำให้ประชาชนเสียโอกาส จึงต้องให้กระทรวงมหาดไทยเข้ามาเสริม ด้วยการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเข้ามาช่วยประสานเพื่อให้ชาวบ้านเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างรวดเร็ว โดยภายในเดือนพฤษภาคมนี้ทางจังหวัดจะเป็นผู้รับเรื่องและให้ความช่วยเหลือทั้งหมด เช่นเดียวกับการเยียวยาเหยื่อในคดีอาญา ซึ่งสามารถขอรับความช่วยเหลือจากกโรงพักทุกแห่งทั่วประเทศ

พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวถึงงานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ว่า เป็นครั้งแรกที่ไทยมีการเสนอระเบียบสำนักนายกพิสูจน์คนหายและบุคคลนิรนาม รวมทั้งพ.ร.บ.ส่งเสริมการบริการทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการพิสูจน์อัตลักษณ์ของบุคคลที่สูญหาย และการพิสูจน์ดีเอ็นเอของบุคคลชายขอบที่มีอยุ่จำนวนมากถึงกว่า 7,000 กว่าแห่งที่ไม่ได้รับการดูแลทั้งๆที่เกิดในประเทศไทย หรืองานด้านสร้างความปลอดภัยของกรมราชทัณฑ์ที่มีการจัดตั้งโรงเรียนพัสดีขึ้นมาเพื่ออบรมคุณธรรมของเจ้าหน้าที่และไม่ให้ใช้อำนาจทำให้ภาพลักษณ์ของผู้คุมเรือนจำกลายเป็นเจ้าพ่อ การสร้างเรือนจำโรงเรียนเตรียมความพร้อมนักโทษก่อนปล่อยสู่สังคม การฝึกงานให้นักโทษ 1 ปีก่อนปล่อย รวมทั้งการแก้กฎหมายของกรมราชทัณฑ์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น

ส่วนงานด้านป้องกันและปราบปรามยาเสพติดนั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า มีความคืบหน้าหลายประเด็นทั้ง การหารือกับต่างประเทศเรื่องสารตั้งต้น ความร่วมมือระหว่างประเทศจีน พม่า ลาวและไทย ซึ่งในวันที่ 29 เม.ย.นี้จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมทั้ง 4 ประเทศเป็นครั้งแรก โดยมี 4 ประเด็นหลักที่จะหารือ คือ แหล่งผลิตยาเสพติดบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ การจัดการกับผู้ผลิตและผู้ค้ายาเสพติด การสกัดสารตั้งต้นไม่ให้เข้าสู่พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ และการสร้างอาชีพ โดยขณะนี้รัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนพม่าจำนวน 300 ล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว และจะของงบสนับสนุนจากโครงการกู้ยืมพัฒนาเพื่อความมั่นคงจาก AIIB จากรัฐบาลจีนและADB ด้วย

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า สำหรับงานด้านการปรามปรามปัญหาทุจริตคอรัปชั่น หลังจากศอ.ตช.และคตช.ทำงานร่วมกันและได้นำเสนอรายชื่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องจำนวน 198 คน เพื่อให้นายกฯรับทราบ
แล้ว โดยในส่วนกระทรวงยุติธรรมมี 5 รายชื่อ ที่ใช้อำนาจของคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.กพ.) กระทรวง มีมติปลดออกจากราชการ โดยเป็นข้าราชการในสังกัดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นการเอาผิดทางวินัย ส่วนโทษทางอาญาจะต้องให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด นอกจากนี้ยังมีการปรับย้ายข้าราชการอีกจำนวนหนึ่งจากตำแหน่งด้วย

“สำหรับดีเอสไอ ที่ผ่านมามีปัญหาเละเป็นโจ๊กจนมีคนเสนอให้ยุบทิ้ง แต่เมื่อผมเข้ามาก็ไม่เคยได้เลือกปฎิบัติ ผมไม่เคยกล่าวว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอถูกหรือผิด แต่ต้องการเอาออกจากปัญหา เพราะที่ผ่านมาทำให้หน่วยงานมีปัญหาทั้งเรื่องเกียรติและศักดิ์ศรี ดังนั้นในฐานะผู้รับผิดชอบ ก็ต้องเอาออก ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับความถูกหรือผิด เมื่อจัดระบบการทำงานของดีเอสใหม่โดยมีอธิบดีเป็นผู้หญิงก็รู้สึกพอใจกับการทำงานของดีเอสไอในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะคดียักยอกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นและคดีบุกรุกป่าหากมีคดีใดที่อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ แล้วใครไม่พอใจก็ขอให้บอก ผมพร้อมจะรื้อทำให้”พล.อ.ไพบูลย์กล่าว