ศาลฎีการับฟ้อง 'บุญทรง-พวก21' ทุจริต-ฮั้วประมูลโครงการข้าว

ศาลฎีการับฟ้อง 'บุญทรง-พวก21' ทุจริต-ฮั้วประมูลโครงการข้าว

ศาลฎีกานักการเมือง รับฟ้อง "บุญทรง" อดีต รมว.พาณิชย์-พวก21ราย ทุจริต-ฮั้วประมูลโครงการระบายข้าวจีทูจีแล้ว นัดพิจารณาคดี29 มิ.ย.นี้

นายธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา เปิดเผยถึงการนัดฟังคำสั่ง คดีที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวกรวม 21 ราย คดีทุจริตและฮั้วประมูลโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นว่า คดีครบองค์ประกอบความผิด และอยู่ในเขตอำนาจ พิจารณาของศาลฎีกาฯ จึงให้ประทับฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษา

โดยนัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งจำเลยทั้งหมดจะต้องเดินทางมาศาลในวันดังกล่าวด้วย

ขณะที่คดีนี้ องค์คณะผู้พิพากษามีมติให้ตนเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนด้วย อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้สึกหนักใจอะไร เพราะการพิจารณาคดีจะไปตามพยานหลักฐานในสำนวน ด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งรับฟ้อง จำเลยทั้ง 21 ราย ยังไม่มีบุคคลใด ยื่นคำร้องเพื่อขอประกันตัวแต่อย่างใด ขณะที่การยื่นประกันจำเลย สามารถยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราวได้นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งรับฟ้อง ไปจนถึงวันนัดพิจารณาครั้งแรกที่จะสอบคำให้การจำเลย ซึ่งในวันดังกล่าวเป็นวันที่จำเลยทั้งหมดจะต้องมาแสดงตนต่อหน้าศาลเป็นครั้งแรก นับจากวันที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาฯ เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา

โดยคดีนี้อัยการและ ป.ป.ช. ได้รวบรวมเอกสารหลักฐาน 205 ลัง 1,628 แฟ้ม จำนวนกว่า 70,000 หน้า ยื่นฟ้อง นายบุญทรง อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก รวม 21 ราย ซึ่งเป็นอดีตนักการเมือง 3 คน ข้าราชการการเมือง 3 คน และที่เหลือเป็นนิติบุคคล กับ กรรมการผู้มีอำนาจในนิติบุคคล เป็นจำเลยฐาน กระทำผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐหรือฮั้วประมูล พ.ศ.2542 มาตรา 4, 9, 10,12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจโดยทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐ และ มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4, 123 และ 123/1 ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งการยื่นฟ้อง อัยการสูงสุด ยังขอให้สั่งปรับจำเลยทั้งหมด เป็นเงิน 35,274,611,007 บาท ซึ่งค่าปรับดังกล่าวคิดคำนวณจากมูลค่าครึ่งหนึ่งตามสัญญาระบายข้าว 5 หมื่นตัน ที่พบว่ามีการกระทำผิดสัญญา 4 ใน 8 ฉบับด้วย