คดีเด็ก13แขวนคอฆ่าตัวตาย ญาติยืนยันไม่มีการข่มขืน

ที่มูลนิธิสยามรวมใจแม่สาย ทางญาติของเด็กสาววัย 13 ปี ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งได้ใช้เชือกแขวนคอตัวเองจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ได้นิมนต์พระสงฆ์มาทำการสวดอภิธรรมศพ เพื่ออุทิศส่วนกุศลและสวดส่งวิญญาณให้ไปสู่สุขคติเป็นคืนสุดท้าย ที่มูลนิธิสยามรวมใจ บ้านน้ำจำ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยทางตำรวจได้อนุญาตให้นำศพมาประกอบพิธีทางศาสนา หลังจากได้มีการอายัดศพพิสูจน์ร่างกายอีกครั้ง ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ หลังจากมีสื่อบางแขนงนำเสนอว่า การฆ่าตัวตายของเด็กสาว เกิดจากการถูกครูพละข่มขืน ทำให้จากตามกำหนดการเดิม จะต้องมีการเผาศพเมื่อวานนี้ ต้องเลื่อนออกมาเป็นวันนี้ ภายหลังจากตำรวจมีการการอายัดศพไปตรวจ และมีกำหนดที่จะทำการฌาปนกิจศพในช่วงบ่ายของวันนี้ (7 เม.ย) ที่สุสานบ้านป่าเหมือด ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย

ทั้งนี้ ทางญาติเชื่อว่า การฆ่าตัวตายของเด็กสาววัย 13 ปี มาจากการทะเลาะกันกับเพื่อนชาย ที่คบหากันทางเฟสบุ๊คมานานกว่า 8 เดือน เพราะก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายเคยขู่ทางเพื่อนชายว่า หากไม่โทรศัพท์หาก็จะมีการฆ่าตัวตายแล้วหลายครั้ง ซึ่งสอดคล้องกับทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้มีการโทรศัพท์ไปสอบถามเพื่อนชายคนดังกล่าว ซึ่งอยู่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ก็ได้รับคำตอบว่า ทะเลาะกันจริง ก่อนที่เด็กสาวจะแขวนคอตาย 

โดยเพื่อนชาย ยอมรับว่า ได้พูดประโยคบางคำลักษณะที่ว่า อยากทำอะไรก็ทำ ซึ่งเด็กสาวผู้ตายเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงอยู่แล้ว เมื่อเจอประโยคเช่นนี้ อาจทำให้เกิดอารมณ์ชั่ววูบคิดสั้น จนส่งผลให้ฆ่าตัวตายโดยไม่ยั้งคิด เพราะช่วงที่แขวนคอ ใส่หูฟังโทรศัพท์ติดอยู่ในหูด้วย และเชื่อว่าในมืออาจถือโทรศัพท์ที่อยู่ในช่วงที่มีการคุยกับเพื่อนชายก่อนที่โทรศัพท์จะตกลงมากับพื้นที่

และหลังเกิดเหตุ เพื่อนชายพยายามโทรศัพท์กลับมายังเครื่องกว่า 50 สาย ก็ไม่ยอมรับสาย ส่วนกรณีที่ครูพละนั้น เคยมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนจริง แต่ก็เป็นเรื่องของความรักระหว่างหนุ่มสาว ไม่ได้มีการข่มขืน โดยเรื่องทั้งหมดได้จบลงไปแล้ว และช่วงที่ผ่านมา เด็กสาวไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งทางญาติยังคงติดใจสื่อมวลชนบางแขนง ที่พยายามนำเรื่องครูพละมาผูกโยงกับการเสียชีวิตว่า มีจุดประสงค์อะไร ทั้งที่เรื่องมันก็เกิดขึ้นมานานแล้ว จึงอยากให้เรื่องทั้งหมด ยุติเพื่อดวงวิญญาณของเด็กสาวจะได้ไปสู่สุขคติ

ด้าน พ.ต.ต.กัมปนาถ สิทธิแก้ว พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางตำรวจ ไม่เคยสรุปประเด็นหรือตั้งข้อสงสัย และทางญาติผู้ตายก็ไม่เคยให้การว่า สาเหตุการเสียชีวิตมาจากเรื่องการถูกครูพละข่มขืน มีเพียงสื่อมวลชนบางสื่อที่นำไปเสนอข่าวเอง แต่เมื่อเกิดข้อสงสัยต่อสังคม ทางเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นที่จะต้องมีการผ่าพิสูจน์ร่างกาย เพื่อหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องกรณีการถูกข่มขืนจริงหรือไม่ แต่ยังเป็นขั้นการตรวจพิสูจน์ ซึ่งจะทราบผลประมาณ 1 สัปดาห์ 

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังเป็นการสอบสวน และสรุปสำนวนเรื่องการผูกคอตายก่อนเท่านั้น ส่วนประเด็นการข่มขืน ยังไม่ได้มีการสอบ หรือออกหมายเรียกใครมาสอบปากคำแต่อย่างใด