'บวรศักดิ์'แจงข่าวด่าคนไทยโง่ อัดมติชนลงข่าวดิสเครดิต

'บวรศักดิ์'แจงข่าวด่าคนไทยโง่ อัดมติชนลงข่าวดิสเครดิต

"บวรศักดิ์"แจงข่าวด่าคนไทยโง่ อัดมติชนลงข่าวดิสเครดิต บิดเบือนความจริง ยันไม่เสียสติด่าแน่ จี้รับผิดชอบเยียวยาความเสียหาย

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงชี้แจงกรณีที่หนังสือพิมพ์มติชนนำเสนอข่าวคณะกมธ.ยกร่างฯลงฉบับวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า วันดังกล่าวมีการพาดหัวข่าวโดยคิดเอาเองปราศจากข้อมูล โดยระบุว่า “ฉุนบวรศักดิ์ปมสิทธิหญิง‘ทิชา’ ไขก๊อก ร่ำไห้ทิ้งกมธ.-เก้าอี้สปช.” ทำให้คนเข้าใจว่า ตนเป็นสาเหตุสำคัญให้ นางทิชา ณ นคร ลาออก และทำให้เข้าใจว่าตนคัดค้านสิทธิสตรี ทั้งที่ในความเป็นจริง ตนสนับสนุนสิทธิสตรีมาตั้งแต่ต้นจนมีการบรรจุเรื่อง การจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงความเสมอภาคชายหญิง แต่เมื่อกมธ.บางท่านไม่เห็นด้วย ก็พยายามรอมชอม หากมีการซาวน์ดเสียงแล้ว คนส่วนใหญ่ว่าอย่างไรกมธ.ข้างน้อยก็ต้องมีการยอมรับ และสำหรับนางทิชานั้นก็ได้มีการกล่าวในที่ประชุมและแจ้งตนเป็นการส่วนตัวมาโดยตลอดว่า ตนทำหน้าที่ดีที่สุดตามกำลังความสามารถ และผู้ที่ตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ นางทิชา

นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกัน ยังมีคอลัมน์ “โครงร่างตำนานคน” เขียนโดยนามปากกา “การ์ตอง” หัวเรื่อง “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ท้าทายความรู้เท่าทัน” พร้อมใช้รูปภาพตนประกอบ มีข้อความภายในเครื่องหมายคำพูดว่า “ประชาชนยังไม่พร้อมที่จะมีสิทธิที่เท่าเทียมกัน เพราะคนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ ความคิด และจิตสำนึกประชาธิปไตยที่แท้จริง จนระบบไม่สามารถสร้างนักการเมืองที่มีคุณภาพขึ้นมาได้ เปิดโอกาสให้คนกลุ่มหนึ่งใช้การเลือกตั้งเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ จึงจำเป็นต้องอกแบบการเมืองใหม่ เพื่อกันประชาชนที่โง่เขลาเบาปัญญานี้ออกไป ให้สิทธิได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น” ทำให้เห็นเจตนา 3 อย่างที่กระทำคือ ใส่ชื่อและรูปภาพตนในคอลัมน์ และใส่เครื่องหมายคำพูด ดูถูกประชาชนชาวไทย ย่อมทำให้เข้าใจว่า ตนกล่าวดูถูกเหยียดหยามคนไทยส่วนใหญ่

"แม้กรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าว จะโพสต์เฟซบุ๊คชี้แจง ก็มีลักษณะภาคเสธ. คือแบ่งรับแบ่งสู้ และแสดงทัศนะส่วนตัวที่แสดงอคติ ไม่ใช่วิสัยของสื่อสาธารณะ ที่รู้ว่าพลาดไปโดยไม่เจตนาและประสงค์จะขออภัย อย่างข้อความชี้แจงที่ว่า‘ถ้าจะมีส่วนใดที่ทำให้เข้าใจผิดก็คงจะเป็นย่อหน้าที่สอง ซึ่งใส่เครื่องหมายคำพูด อาจจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าเป็นคำพูดของอาจารย์บวรศักดิ์ ซึ่งหากโดยละเอียดและมีใจเป็นกลางก็จะทราบว่ามิได้เป็นเช่นนั้น’ ผมจึงขอให้หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวแสดงความรับผิดชอบและความกล้าหาญทางจริยธรรมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผมโดยเร็ว"ประธานกมธ.ยกร่างฯกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีมาตรการฟ้องร้องทางกฎหมายหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ไม่อยากพูดเดี๋ยวจะหาว่าเป็นการขู่ แต่คิดว่าเรื่องนี้คงจะต้องมีบทเรียนอะไรกันบ้าง แต่จะไม่กระทบกับสื่อมวลชนทั่วไปที่ยังทำหน้าที่ถูกต้องครบถ้วนทันสถานการณ์ ปราศจากอคติ รัฐธรรมนูญยังรองรับเสรีภาพนั้นทุกประการ ไม่ใช่ครั้งแรกที่มติชนทำอย่างนี้กับตน เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ที่ไปพูดเรื่องสิทธิสตรี มติชนทีวีตัดตอนที่ตนพูดไปลงในทีวีมติชน เป็นเหตุให้ผู้ประสงค์ร้ายไปพาดหัวเรื่องผู้หญิงจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ครั้งนั้นไม่ได้ติดใจอะไร เพราะนึกว่าเป็นความผิดพลาด

นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ขอให้เขาเยียวยาความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นทางจริยธรรมที่สอนกันในสื่อมวลชน ครั้งนี้เป็นการทำลายคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อต้องการทำให้เห็นว่าคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้ดูถูกประชาชนคนไทย และขอย้ำอีกครั้งว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องการให้พลเมืองเป็นใหญ่

"ทราบหรือไม่ว่า ทำไมผมถึงต้องเชิญคณะกรรมาธิการฯไปประชุมต่างจังหวัดเพราะผมรู้ว่าพายุใหญ่จะมา และก็ไม่ผิดหวัง พอพูดถึงการให้พลเมืองเป็นใหญ่ปรากฏว่าไม่มีใครสนใจ และเพื่อทำลายผมว่าผมไม่เคยเชื่อถือว่าพลเมืองเป็นใหญ่ ก็เลยเขียนเอาเองคิดเอาเอง จินตนาการเอาเองว่า ผมบอกว่าประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่โง่ ถ้าคนคิดด้วยจิตสำนึกธรรมดาว่าเพิ่งพูดหยกๆว่าต้องทำให้พลเมืองเป็นใหญ่ เสร็จแล้วก็มาบอกว่าประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่โง่ มันแปลว่าอะไร ถ้าผมพูดอย่างนี้จริงก็แสดงว่าผมอาจใกล้เสียสติหรือเสียสติไปแล้ว แต่ถ้าคนอื่นพูดแล้วเอาคำพูดนี้มาทำให้เข้าใจว่าเป็นผม ใส่ชื่อผม ใส่หน้าผม แล้วใส่เครื่องหมายคำพูด จนกระทั่งคนเอาโพสต์กันทั้งประเทศ ก็คือจงใจใส่ร้ายและต้องการทำลายว่าพลเมืองไม่เป็นใหญ่ เพราะว่านายบวรศักดิ์ดูถูกพลเมืองชาวไทยส่วนใหญ่ ซึ่งไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย นี่คือการบิดเบือนที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับผม" นายบวรศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ยังมีความเป็นไปได้หรือไม่กับการกำหนดสัดส่วนของสตรีให้มีบทบาทในตำแหน่งทางการเมืองจำนวน 1ใน3เอาไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องจากยังเป็นหนึ่งในประเด็นที่คณะกมธ.ยกร่างฯยังแขวนเอาไว้อยู่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่ของคณะกมธ.ยกร่างฯ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่ยังไม่ได้ข้อยุติ ก็อย่าเพิ่งไปสรุปว่าเรื่องนี้จะเป็นไปไม่ได้

เมื่อถามว่า แสดงว่าการที่นางทิชา ณ นคร ลาออกจากตำแหน่งทั้งที่เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้เป็นข้อยุติ แสดงว่าเป็นการตัดสินใจที่ใจร้อนเกินไปหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้วิจารณ์อย่างนั้น ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง ตอนเข้ามาเป็นสปช.และกมธ.ยกร่างฯก็สมัครใจเข้ามา

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่กับการที่เครือข่ายสตรีทั่วประเทศจะออกมากดดันคณะกมธ.ยกร่างฯเพื่อเรียกร้องสิทธิสตรีให้เท่าเทียมกัน นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า เป็นธรรมดาของกระบวนการทำกฎเกณฑ์ระดับประเทศ มันเป็นธรรมชาติ เพราะต้องถูกกดดันโดยทุกฝ่ายอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่จากสตรีอย่างเดียว อย่าไปสะดุ้ง เราก็รับฟังเอาไว้ แล้วนำมาพิจารณากันอีกครั้งได้ แต่การมีบทบัญญัติเช่นนี้ เป็นความก้าวหน้าที่เราอาจไปไกลกว่าหลายประเทศในโลกที่มาสอนประชาธิปไตยเรา รัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาไม่มีเขียน ออสเตรเลียถือเป็นแค่ทางปฏิบัติแต่ไม่มีในรัฐธรรมนูญ ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นไม่มีการกำหนดสัดส่วนผู้หญิงและผู้ชายในรัฐธรรมนูญ ถ้าเรามีสิ่งเหล่านี้มันก็เป็นความก้าวหน้าระดับโลก และที่เขาเสนอไว้ก็คือ 1 ใน 3 ของสภาท้องถิ่น ไม่ใช่ผู้บริหารท้องถิ่นด้วยซ้ำ แต่ถึงตนเห็นแบบนี้ คณะกรรมาธิการฯส่วนใหญ่เห็นอย่างไร ก็ต้องเอาตามเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา คนที่ทำงานโดยหมู่มากต้องทำใจ ประธานคณะกรรมาธิการฯเคยเสนอหลายเรื่องในฐานะกรรมาธิการฯ แต่โหวตแพ้มาแล้วประมาณ 3 เรื่อง ก็ต้องกลับไปนอนท่องอยู่ที่บ้านว่ารัฐธรรมนูญนี้ไม่ใช่ของเรา ดังนั้น ถ้าเรายึดสปิริตของการทำงานเป็นหมู่คณะ ส่วนใหญ่ว่าอย่างไรก็รับมตินั้นก็จบ

เมื่อถามย้ำว่าจะมีการใช้สิทธิทางกฎหมายเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า "ผมไม่ได้พูดเรื่องฟ้องร้อง แต่เมื่อคุณถามก็ดีแล้ว ผู้สื่อข่าวถามเองนะ เพราะฉะนั้นช่วยไปเป็นพยานทีว่าผมไม่ได้ขู่ว่าจะฟ้องแต่ผมกำลังจะพิจารณาอยู่ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะลักษณะการแถลงของผู้จัดการมีลักษณะไม่สำนึกในการกระทำผิดพลาดของตัว เพราะฉะนั้นกรุณาอย่าไปลงพาดหัวว่าบวรศักดิ์จะขู่ฟ้อง ผมไม่ได้พูดเรื่องการฟ้องเลย พวกคุณจี้ถามผมอยู่ 3 ครั้ง ผมก็ต้องตอบ"

นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ขอฝากไว้เรื่องหนึ่งว่าจะทำอย่างไร ในสำนักพิมพ์ที่จะให้คนพาดหัวในโรงพิมพ์กับผู้สื่อข่าวที่เห็นบรรยากาศจริง มีความสัมพันธ์กัน นายมานิจ สุขสมจิตร รองประธานคณะกมธ.ยกร่างฯ บอกว่าสมัยที่เป็นบรรณาธิการ ทุกครั้งเวลาจะพาดหัวข่าวจะต้องมีการถามผู้สื่อข่าวที่รายงานข่าวมาว่าสิ่ง ที่จะพาดหัวข่าวถูกต้องและมีความเห็นแตกต่างหรือไม่