เปิดปูม'9ผู้พิพากษาศาลฎีกา' ชี้ชะตายิ่งลักษณ์คดีจำนำข้าว

เปิดปูม'9ผู้พิพากษาศาลฎีกา' ชี้ชะตายิ่งลักษณ์คดีจำนำข้าว

(รายงาน) เปิดปูม "9 ผู้พิพากษาศาลฎีกา" ชี้ชะตา "ยิ่งลักษณ์" คดีจำนำข้าว

หลังจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติเลือกองค์คณะผู้พิพากษาในศาลฎีกา 9 คนเพื่อพิจารณาพิพากษาคดี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ละเลยเพิกเฉยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวนั้น "กรุงเทพธุรกิจ" ตรวจสอบประวัติและเส้นทางการทำงานของผู้พิพากษาทั้ง 9 คนที่ได้รับภารกิจพิจารณาคดีสำคัญ

1.นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกา และ 2.นายธนสิทธิ์ นิลกำแหง ประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา เคยเป็นองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาในแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่พิพากษาให้ยึดทรัพย์ของ น.ส.นฤมล หรือ ณัฐกมล หรือ ณฐกมล หรือ อินทร์ริตา นนทะโชติ หรือ นนทะ วัชรศิริโชติ อดีตข้าราชการการเมืองตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จำนวน 68,104,000 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.57


โดย น.ส.นฤมล เป็นบุตรสาวของ พล.อ.สัมฤทธิ์ นนทะโชติ อดีตผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 จ.อุดรธานี เป็นคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ โดย น.ส.นฤมล เคยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยของรัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและพลังประชาชน


3.นายวิรุฬห์ แสงเทียน ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา 4.นายธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา เคยเป็นองค์คณะผู้พิพากษาที่วินิจฉัยกรณี นายปุระพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 จ.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย จงใจปกปิดการยื่นเอกสารแสดงเงินกู้จำนวน 3.5 ล้านบาท เมื่อครั้งเป็น ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) เมื่อปี 51
โดยมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.54 ห้าม นายปุระพัฒน์ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่วินิจฉัย และยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 4,000 บาท ซึ่งโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี


5.นายศิริชัย วัฒนโยธิน รองประธานศาลฎีกา เป็น 1 ใน 3 องค์คณะผู้พิพากษาที่เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6374/2556 กรณีจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พูดใส่ความหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ในอดีตที่สวรรคตไปแล้ว โดยศาลเห็นว่า ประชาชนชาวไทยผูกพันกับสถาบันกษัตริย์มาตลอด แม้จะเสด็จสวรรคตไปแล้ว ประชาชนก็ยังเคารพสักการะ ยังมีพิธีรำลึกถึง โดยทางราชการจัดพิธีวางพวงมาลาทุกปี


ดังนั้นหากมีการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ที่เสด็จสวรรคตไปแล้ว ก็ยังกระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของประชาชน อันจะนำไปสู่ความไม่พอใจและอาจส่งผลกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรได้


6.นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เป็นอดีตอธิบดีศาลผู้พิพากษาศาลอาญาที่ทำบันทึกแย้งคำพิพากษาขององค์คณะศาลอาญาที่สั่งยกฟ้อง นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร กับพวกรวม 5 คน ในคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีไม่ยอมเก็บภาษี คุณหญิงพจมาน ชินวัตร (นามสกุลในขณะนั้น) ที่โอนหุ้น บริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่า 738 ล้านบาท ให้กับนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรม เมื่อปี 40


การทำบันทึกความเห็นแย้งของอธิบดีศาล ต่อองค์คณะผู้พิพากษาในศาล ปกติไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก เรื่องนี้จึงได้รับความสนใจจากหลายฝ่ายอย่างกว้างขวาง


7.นายวีระพล ตั้งสุวรรณ รองประธานศาลฎีกา เคยเป็นหนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่พิจารณาพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม.3/2555 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย และบริษัทในเครือของบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 27 ราย เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต กรณีปล่อยกู้ให้กับบริษัทในเครือกฤษดามหานครโดยมิชอบ


คดีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมเดินทางไปศาลทั้งที่รับทราบนัดแล้ว จึงถูกออกหมายจับ ส่วนคดีถูกจำหน่ายออกจากสารบบชั่วคราวเฉพาะในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ


8.นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาให้เข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2549 หลังจากมีการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549


ขณะนั้น นายธานิศ ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา โดยระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ตุลาการรัฐธรรมนูญ นายธานิศได้ร่วมพิจารณาพิพากษาคดียุบพรรคไทยรักไทยด้วย ซึ่งคดีนี้แม้ตุลาการรัฐธรรมนูญจะมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ยุบพรรคไทยรักไทย แต่นายธานิศเป็น 1 ใน 3 ตุลาการรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อยที่ไม่เห็นด้วยให้นำประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 มาย้อนหลังใช้บังคับเพื่อกำหนดโทษการตัดสิทธิ์ทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 111 คนเป็นเวลา 5 ปี


นอกจากนั้น นายธานิศ ยังเคยได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ให้เป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยศาลมีมติเอกฉันท์พิพากษาสั่งยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท


9.นางอุบลรัตน์ ลุยวิกกัย ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา เคยเป็นผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) รุ่น 17 เมื่อปี 55-56 พร้อมกับ นายวิรุฬห์ แสงเทียน ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา โดยเพื่อนร่วมรุ่นที่น่าสนใจ อาทิ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. ลูกเขย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นต้น


สำหรับอันดับคะแนนที่ทั้ง 9 คนได้รับจากการลงมติของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ได้แก่ อันดับ 1 นายไสลเกษ อันดับ 2 นายวิรุฬ อันดับ 3 นายธนฤกษ์ อันดับ 4 นายธนสิทธิ์ อันดับ 5 นายศิริชัย อันดับ 6 นายชีพ อันดับ 7 นายวีระพล อันดับ 8 นางอุบลรัตน์ และอันดับ 9 นายธานิศ


เป็นที่น่าสังเกตว่า องค์คณะผู้พิพากษาที่ได้รับเลือกทั้ง 9 คนนี้ มี 5 คนเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาคดี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 ด้วย โดยทั้ง 5 คน ได้แก่ นายวีระพล นายศิริชัย นายชีพ นายธนฤกษ์ และนายธนสิทธิ์
จากนี้จึงต้องลุ้นว่าทีมทนายของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ จะใช้สิทธิตามกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในการยื่นคัดค้านผู้พิพากษาคนใดที่เป็นองค์คณะหรือไม่