บุกค้น'สวนส้มทิพย์'พันคดีแอบอ้างเบื้องสูง-ฉ้อโกง‏

"กองปราบ" ค้นบ้านสวนส้มทิพย์ รีสอร์ทแอนด์สปา ที่ราชบุรี คดีแอบอ้างเบื้องสูง-ฉ้อโกง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบก.ป. แถลงผลภายหลังเข้าตรวจค้นภายในบ้านสวนส้มทิพย์ รีสอร์ทแอนด์สปา เลขที่ 67 หมู่ 6 ต.วัดเพลง อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี ของนายเอกชัย หรือเอฟ พลอยหิน หมิ่นเบื้องสูง ฉ้อโกง และเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเป็นการตอบแทนหรือจูงใจเจ้าพนักงานโดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมายหรือโดยอิทธิพลของตน ให้กระทำหรือไม่กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 , 341 และ 143 จากกรณีแอบอ้างเบื้องสูงเรียกรับเงิน 1.3 ล้านบาท จากนายบรรเทิง เนมีแสน เพื่อวิ่งเต้นช่วยเหลือลูกชายนายบรรเทิง ให้หลุดจากการถูกจับกุมคดียาเสพติด
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า ภายหลังจากการเข้าตรวจค้นภายในบ้านพักนายเอกชัย ผู้ต้องหา พบอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด 1 กระบอก ปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก และอาวุธปืนสั้นแบบออโตเมติก 3 กระบอก และเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครอง โดยอาวุธปืนที่ตรวจยึดมาได้นั้นเจ้าหน้าที่จะนำไปตรวจสอบว่าเคยนำไปใช้ก่อเหตุที่ไหนมาก่อนหรือไม่ รวมทั้งที่นายเอกชัยอ้างว่า ปืนบางกระบอกนั้นมีคนอื่นนำมาฝากไว้ เราต้องเชิญตัวบุคคลที่นายเอกชัยกล่าวอ้างถึงมาสอบว่า นำมาฝากไว้เพื่ออะไร หากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำความผิด ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาแก่นายเอกชัยเพิ่มเติมในข้อหามีอาวุธปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
พ.ต.อ.ประเสริฐ กล่าวว่า ในส่วนของคดีบ่อนนัมเบอร์วัน สืบเนื่องมาตั้งแต่ปี 55 นายเอกชัย ได้รู้จักกับนายวิศิษฐ์ สัจพจน์นุกูล ซึ่งมีความสนิทสนมกัน จนกระทั่งปี 57 นายวิศิษฐ์ ได้ติดต่อให้นายเอกชัย ไปติดต่อนายทหารชั้นผู้ใหญ่หรือบุคคลสำคัญ ให้ช่วยเปิดบ่อนโดยมีการลงทุนร่วมกับบุคคลอื่น โดยนายเอกชัยได้เรียกค่าดำเนินการ 5 ล้าน โดยมีการส่งมอบเงินกันที่บ้านนายวิศิษฐ์ ที่คริสตัล ปาร์ค ต่อมานายเอกชัยไม่สามารถดำเนินการได้ อีกทั้งช่วงนั้นได้เกิดรัฐประหารจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้เข้าตรวจค้นและดำเนินการปิดบ่อนดังกล่าว ต่อมา พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ตำแหน่ง ผบช.ก.ในขณะนั้น ได้เชิญนายเอกชัย มาสอบถามข้อมูล ก่อนจะกักตัวไว้เพื่อไม่ให้นายเอกชัย ไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องบ่อนกับสื่อมวลชน
นายเอกชัย กล่าวต่อว่า ตนกับนายวิศิษฐ์ รู้จักกันตั้งแต่ปี 55 ในฐานะเพื่อนร่วมธุรกิจ กระทั่งเมื่อปี 57 นายวิศิษฐ์ ได้ปรึกษาหารือกับตนว่าจะเปิดบ่อนนัมเบอร์วัน อีกทั้ง ตนกับนายวิศิษฐ์ มีหนี้สินกันอยู่ โดยนายวิศิษฐ์ ได้ยืมไปหมุนใช้จ่ายส่วนตัวเป็นเงินประมาณ 5 ล้านบาท ซึ่งตนก็ทราบอยู่แล้วว่าบ่อนนี้ไม่น่าจะเปิดดำเนินการได้ แต่ความคิดตนในตอนนั้น แค่ต้องการเงินคืนในส่วนที่นายวิศิษฐ์ ยืมไปเพื่อหักหนี้ ตนจึงบอกนายวิศิษฐ์ ไปว่าจะดำเนินการประสานกับเจ้าหน้าที่ทหารหรือคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้โดยใช้เงินประมาณ 5 ล้านบาทตามยอดหนี้ แต่ก็ยังไม่ได้ประสานใคร ภายหลังเจ้าหน้าที่ก็เข้าตรวจค้นก่อน หลังจากนั้น พล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ ก็ได้เชิญตนมาพูดคุยในเชิงสอบปากคำ หลังจากที่บ่อนโดนปิดประมาณ 4 วัน ก่อนที่จะกักตนไว้ที่กองปราบปรามเพื่อไม่ให้ตนให้ข้อมูลใดๆเป็นเวลากว่า 2 เดือน เพราะว่าส่วนหนึ่งตนกับพล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ เป็นญาติกัน ไม่อยากจะให้เรื่องดังกล่าวเชื่อมโยงไปถึงตัวพล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ โดยที่ไม่ได้มีการดำเนินคดีใดๆทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้าจะถูกจับกุมในคดีบ่อนเคยมีการพูดคุยกับอดีตผบช.ก.ในเรื่องการเปิดบ่อนดังกล่าวหรือไม่ นายเอกชัยกล่าวว่าไม่เคยมีการพูดคุย กระทั่งอดีตผบช.ก.ทราบเรื่องดังกล่าว ก็นำตนมาพูดคุยพร้อมกับกักตัวไว้เพื่อไม่ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน หลังเกิดเหตุก็ไม่ได้มีการพูดคุยกับตัวอดีตผบช.ก. มีพูดคุยผ่านคนของอดีตผบช.ก.เรื่องการไม่ให้ข้อมูลกับสื่อแค่นั้น ตนยืนยันว่าเรื่องบ่อนนัมเบอร์วันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับสถาบันฯ เบื้องสูงใดๆ ที่ทางนายวิศิษฐ์มาปรึกษาตนเพราะเห็นว่าตนเป็นญาติกับ พล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ ก็คิดว่าน่าจะช่วยดำเนินการเปิดได้ ตนและนายวิศิษฐ์ รับรู้ในการดำเนินการเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น
"เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างตัวผม เกิดขึ้นที่ตัวผมเอง ครอบครัวผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ไม่อยากให้สื่อนำเสนอไปถึงครอบครัว และอยากฝากผู้ที่ติดติดตามข่าวนี้ว่า เราคบคนพาลก็จะดึงเราไปในสิ่งที่ไม่ดี ทั้งหมดที่ทำและเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องที่ผมคิดและทำด้วยตัวเอง ครอบครัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใดทั้งสิ้นและผมก็เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินคดีด้วย" นายเอกชัย กล่าวทั้งน้ำตา
ด้านนายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายเอกชัย มานานแล้ว ต่อมาตนมีความคิดว่าจะเปิดบ่อนจึงติดต่อไปยังนายเอกชัย โดยนายเอกชัย อ้างว่ารู้จักกับนายทหารท่านหนึ่ง จะช่วยดำเนินการในการเปิดบ่อนให้ โดยให้ตนเตรียมค่าดำเนินการไว้ 5 ล้านบาท ซึ่งตนเคยขอเขาไปเจอนายทหารที่เขาอ้างว่ารู้จัก แต่เขาจะบอกว่าเดี๋ยวเคลียร์เอง ให้ผมรออยู่ที่บ้าน ซึ่งต่อมาเขาก็กลับมาบอกว่าเคลียร์เรียบร้อยแล้ว ตนจึงให้เงินเขาไป ก่อนจะเริ่มสร้างบ่อนดังกล่าว โดยยืนยันว่านายเอกชัยไม่ได้อ้างถึง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ แต่อย่างใด
"ก่อนหน้านี้ผมเคยเช่าโต๊ะเล่นการพนันในต่างจังหวัด แต่ไม่เคยทำในกรุงเทพ เพิ่งจะทำบ่อนนัมเบอร์วันเป็นบ่อนแรก โดยก่อนที่จะเปิดบ่อนได้ไปปรึกษาเพื่อนนักธุรกิจด้วยกัน ซึ่งเป็นเจ้าของบ่อนอยู่ในเพชรบุรี ซอย 5 แนะนำให้ตนไปหานายตำรวจนายหนึ่ง ชื่อ พล.ต.ท.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ สามารถช่วยได้ แต่ตนก็ยังไม่เคยติดต่อไป" นายวิศิษฐ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายว่า หลังจากแถลงข่าว เจ้าหน้าที่นำตัวนายเอกชัย และนายวิศิษฐ์ไปยังคริสตัล ปาร์ค เพื่อทำแผนในการส่งมอบเงินจำนวน 5 ล้านบาท ในกรณีบ่อนนัมเบอร์วัน ก่อนจะนำตัวนายเอกชัยไปฝากขังยังศาลอาญาต่อไป







