ร้องทุกข์ร้านเพชรไม่รับซื้อคืนตามใบประกัน

ลูกค้าร้านเพชรบนห้างดังขอนแก่น แห่ร้องทุกข์ศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกเจ้าของร้านปฏิเสธไม่รับซื้อคืนตามใบประกัน
น.ส.ภิญญาดา นามตาแสง อายุ 31 ปี ชาวอำเภอน้ำพอง จ.ขอนแก่น และ น.ส.สุภาพรรณ เหลานอก อายุ 41 ปี นักธุรกิจ พร้อมด้วยผู้เสียหายอีก 2 คนที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ เข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น เนื่องจากเดือดร้อนกรณีที่เป็นลูกค้าร้านจิวเวลรี่ ชื่อดัง ซึ่งร้านอยู่ในห้างดังขอนแก่น ถูกร้านปฏิเสธการรับซื้อของคืนโดยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของการรับประกันสินค้า
โดย น.ส.ภิญญาดา เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองขอนแก่น และเคยมีการติดต่อเพื่อพูดคุยตกลงกันกับทางร้านหลายครั้ง แต่ทางร้านก็บ่ายเบี่ยง โดยในเที่ยงวันก็มีการเจรจากัน กับผู้เสียหายอีกหลายคน แต่ทางร้านก็ไม่ยอมมาเจรจาเพียงแต่ส่งตัวแทนมาพูดคุย แต่ไม่แสดงความรับผิดชอบ ปฏิเสธเงื่อนไขในใบรับประกันโดยสิ้นเชิง เมื่อมีการบ่ายเบี่ยง ไม่แสดงความรับผิดชอบ จึงจำเป็นต้องขอความเป็นธรรมกับหลายหน่วยงาน ทั้งตำรวจและศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งทางศูนย์ฯยังเห็นตามหลักฐานเอกสาร ก็เข้าข่ายการฉ้อโกง
น.ส.ภิญญาดา บอกว่า มาศูนย์ดำรงธรรมกับผู้เสียหายอีก 3 คน ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่รู้จักกันทางโชเชียลที่ทุกคนเป็นลูกค้าของร้านเพชร และมีประสบการณ์ถูกปฏิเสธการรับซื้อคืน โดยอ้างเศรษฐกิจไม่ดี ทั้งที่ตอนซื้อทางร้านไม่เคยแจ้งเงื่อนไขไม่รับซื้อคืน และยังมีการทำใบรับประกันซื้อคืนหัก 15 เปอร์เซ็นต์ บางรายหัก 25 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญใบรับประกันไม่ได้กำหนดวันหมดอายุหรือเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงใดๆเอาไว้ ทุกคนจึงถือใจซื่อ เชื่อถือร้านที่จะให้บริการลูกค้าอย่างดี บางคนซื้อเครื่องประดับจากร้านหลายชิ้นมูลค่าหลายแสนบาท
ลูกค้ารายหนึ่งที่ร่วมร้องทุกข์เปิดเผยว่า ไม่เคยคิดจะขายเครื่องประดับที่ซื้อมาแม้แต่ชิ้นเดียว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่กล้าเก็บเอาไว้ คิดว่าถ้าเก็บไว้เมื่อจำเป็นคงไม่สามารถนำไปขายได้ ทำให้เห็นว่าร้านไม่ให้ความสำคัญกับสินค้าที่ขายไปว่ามีคุณค่า ไม่รับซื้อคืนก็เสมือนว่าเครื่องประดับชิ้นนั้นมีค่าแค่หินก้อนหนึ่ง นำไปขายที่ไหนก็ถูกกดราคามากกว่าครึ่ง ที่สำคัญที่ผ่านมาซื้อเครื่องประดับเพชรจากร้านนี้เพราะเห็นแบบสวย ไม่เคยตรวจสอบคุณสมบัติของเพชรแม้แต่ครั้งเดียว มีเพียงการนำเครื่องประดับมาเปลี่ยนชิ้นใหม่ ซึ่งทุกครั้งจะต้องเปลี่ยนชิ้นที่มีราคาสูงขึ้น ทั้งที่ทุกครั้งจะต้องถูกหักไม่น้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ จนตอนนี้มีเครื่องประดับที่ซื้อจากร้านนี้มูลค่ารวมกว่า 3 แสนบาท
"ที่มาร้องทุกข์กันวันนี้มูลค่ารวมกันมากกว่า 1 ล้านบาท และเท่าที่ทราบมีอีกหลายรายมูลค่าไม่น้อย ที่ทำใจแล้วว่าขายคืนไม่ได้"น.ส.ภิญญาดา กล่าว







