'ประยุทธ์'พบเกษตรกรโชว์ผัดหมี่โคราช

'ประยุทธ์'พบเกษตรกรโชว์ผัดหมี่โคราช

"พล.อ.ประยุทธ์" พบเกษตรกร สั่งผู้ว่าฯโคราช สรุปปัญหาก่อนเสนอ ครม. โชว์ผัดหมี่โคราช เผยดีใจได้กลับบ้านเกิด

ปล่อยมุกแนะเปลี่ยนชื่อ "ข้าวลืมผัว" ทำสังคมแตกแยก เผยนอนไม่หลับมา 8 เดือนแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบปะตัวแทน เกษตรกรจังหวัดนครราชสีมาจำนวน 7 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ กลุ่มมันสำปะหลัง กลุ่มปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กลุ่มยางพารา กลุ่มอ้อย กลุ่มผลิตภัณฑ์ชุมชน และกลุ่มสหกรณ์การเกษตรพิมาย เพื่อรับฟังปัญหา จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีความจริงใจแก้ไขปัญหาเกษตรกรในระยะยาว พร้อมรับฟังปัญหาบรรเทาความเดือดร้อน ยกระดับความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น อาศัยสหกรณ์การเกษตรคอยดูแลและให้คำปรึกษา รวมถึงดูแลราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตร สร้างความเป็นธรรมต่อเกษตรกร ขอให้สหกรณ์การเกษตรพิมายเป็นต้นแบบสร้างการเรียนรู้ขยายเป็นเครือข่ายของสหกรณ์ที่เข้มแข็งต่อไป ปัญหาเกษตรกร มอบหมายผู้ว่าฯรวบรวมปัญหา นำมากลั่นกรองและแยกประเภทของปัญหาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ หาข้อสรุปก่อนนำเสนอรัฐบาล

จากนั้นนายกฯ ได้เดินลงมาดูสินค้าโอทอปที่ได้จัดแสดงอยู่ในบริเวณสหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด ซึ่งนายกฯ ได้ให้ความสนใจ และสอบถามข้อมูลจากเกษตรกรตามบูธต่าง ๆ อาทิ ข้าวของเครือข่ายข้าวทุ่งสัมฤทธิ์ และยังสอบถามกลุ่มกะลามะพร้าวและไม้ไผ่บ้านนาน้อย พร้อมทั้งแนะนำให้ทางกลุ่ม ให้พัฒนาสินค้าให้สามารถขายในต่างประเทศได้ และห้นำหินสีมาประดับรวมกับกะลามะพร้าว ซึ่งจะช่วยกันสิ่งชั่วร้ายและป้องกันอันตรายต่าง ๆ นอกจากนั้นนายกฯ ยังได้เซ็นชื่อลงในโถดินเผา ของกลุ่มดินด่านเกวียน และนายกฯ ได้โชว์ผัดหมี่โคราช พร้อมกับเชิญชวนให้คนไทยทั้งประเทศกินผัดหมี่โคราช เพราะเส้นหมี่ของเขาอร่อย

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยว่า ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้กลับมาเยี่ยมโคราชบ้านเดียวกัน เพราะเกิดในค่ายทหารที่นี่ คนอีสานเวลาจับข้าวเหนียวต้องจับสามนิ้ว ตนเกิดที่นี่มีพ่อเป็นทหาร ส่วนแม่ผมเป็นชาวจังหวัดชัยภูมิ จึงถือว่ามีเลือดอีสานร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้จะไปทำงานที่อื่นก็ตาม แต่ไม่เคยลืมชาวอีสานไม่ว่าจะอยู่ฐานะใด

“สรุปว่าเป็นคนโคราชเด้อ ผมดีใจที่ได้กลับมาโคราชอีก กลับมาบ้านอีกครั้ง ผมเกิดที่นี่ แล้วย้ายไปลพบุรี ถ้าคุณแม่ยังอยู่ท่านคงดีใจ แต่ท่านเสียแล้ว แต่ผมก็ดีใจที่ได้มาโคราช และหลายคนในคณะก็เคยทำงานในภาคอีสานทั้งนั้น”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าการเข้ามาดูแลประเทศชาติในวันที่ 22 พฤษภาคมนั้น ไม่ได้ต้องการอะไรเลย ไม่ต้องการอำนาจและอะไรทั้งสิ้น แม้ผลประโยชน์สลึงเดียวยังไม่ต้องการ คิดแต่ว่าทำอย่างไรให้ประเทศไทยเดินหน้าไปได้ ทุกคนรู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้นในประเทศไทย หากไม่ต้องการเจอปัญหาต่อไป เราต้องมีความเข้มแข็งเพื่อให้รัฐบาลสามารถขับเคลื่อนงานต่อไป วันนี้ทุกสิ่งต้องเดินหน้า แม้ทุกอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ภายในเวลา 4 เดือน วันนี้ในฐานะนายกฯเข้ามาทำงานในการขับเคลื่อนประเทศ เนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมาไม่สามารถขับเคลื่อนประเทศได้

“ยืนยันว่าไม่ใช่ศัตรูของใคร เราเข้ามาเพื่อลดความขันแย้งที่มีการใช้อาวุธสงคราม และขอให้ช่วยกันหามาว่าใครเป็นคนใช้อาวุธสงครามนั้น ทุกอย่างต้องเข้ากระบวนการยุติธรรม และต้องทำอย่างไรก็ได้ให้สามารถก้าวข้ามคำว่ากับดักประชาธิปไตย ที่ผ่านมาผมได้ร่วมประชุมกับนานาประเทศกว่า 30 ประเทศ ไม่มีใครพูดเรื่องประชาธิปไตย พูดเพียงแต่ว่าจะเดินหน้าประเทศอย่างไร และการสร้างเศรษฐกิจที่ยังยืน แต่ที่ไม่ยั่งยืนเพราะการสร้างกลไก ของการเลือกตั้งอย่างไม่ทั่วถึง ไม่สร้างความเข้มแข็ง เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็งนั้นสำคัญ ซึ่งตนได้ให้มีตลาดในการจับจ่ายใช้สอย เริ่มจากชุมชน ภูมิภาค ไปจนถึงชายแดน โดยต้องมีความเชื่อมโยงกับการเปิดประชาคมอาเซียน ซึ่งเราจะไม่สามารถควบคุมได้ทุกสิ่ง ทำให้เกิดการแข่งขัน ทั้งการค้าขาย การแลกเปลี่ยนสินค้า การสัญจร ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมความพร้อม หากยังมีปัญหาความขัดแย้งกันอยู่จะทำให้เราเสียเปรียบเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามต้นทุนการผลิตของไทยถือว่าสูง กว่าเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้ จึงต้องหาวิธีการลดต้นทุนการผลิต ทั้งข้าว ยาง มันสำปะหลัง โดยต้องแก้ทั้งระบบ ให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลก

“มีข้าวอยู่ชนิดหนึ่ง ผมอยากให้เปลี่ยนชื่อได้ไหม ข้าวอะไรก็ไม่รู้ ใครตั้งชื่อ ข้าวหลงผัว ลืมผัว อะไรนี่ล่ะ มันไม่ได้นะมันแตกแยกสังคม ทำให้ครอบครัวมีปัญหา ชื่อมันดูไม่ค่อยดี อยากให้รักกัน หลงผัว ลืมผัวอะไร ไม่ดี ไม่ได้ แต่นิสัยคนไทยบังคับไม่ได้นอกจากภรรยาบังคับสามี” นายกฯ กล่าวอย่างมีอารมณ์ขัน ทำให้ผู้เข้าฟังหัวเราะเป็นการใหญ่ จากนั้นนายกฯจึงพูดต่อว่า “ท่าทางจะเปลี่ยนชื่อยากแล้ว”

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอชื่นชมเกษตรกรชาว จ.นครราชสีมา ที่สะท้อนปัญหา ได้อย่างดี แต่ก็ต้องเห็นใจรัฐบาลด้วยเพราะแก้ปัญหาในทุกมิติ แต่จะพยายามทำให้เร็วที่สุด และมีแนวคิดว่าจะเอาระบบการเกษตรของ จ.นครราชสีมา ซึ่งดีอยู่แล้ว มาเป็นต้นแบบแก่จังหวัดอื่นๆ เพราะเกษตรกรต่างมีทางออกไม่ว่าจะเป็นข้าว ยาง มันสำปะหลัง ซึ่งตนจะรีบดำเนินการโดยเร็ว

นายกฯ กล่าวอีกว่า ทำงานมา 8 เดือน วันนี้ยังแก้อะไรไม่เสร็จสักอัน แล้วก็มาว่าเมื่อไรจะไปสักที อย่างนี้หมดกำลังใจ อย่ามาเสียเวลายกนิ้วประท้วง ทุกจังหวัดต้องเป็นหนึ่งเดียว คนไทยไม่เคยพ่ายแพ้ใคร พระมหากษัตริย์อย่าให้ใครมาทำลาย ดังนั้นขอเวลาบ้าง เพื่อสงบยั่งยืน ให้เวลาไม่ได้เลยเหรอ วันนี้รัฐบาลพยายามลดต้น สร้างให้ราคาสู้ได้ ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ถ้าเราไม่พึ่งตนเอง ไม่ฟังรัฐบาล มันไปไม่ได้จริงๆ ไม่ได้หลอกเพื่อ อยู่นาน อยู่เพื่อแก้ปัญหาให้ วันนี้เร่งแก้ปัญหาเร็วที่สุดแล้ว ดำเนินยุทธศาสตร์ 9 ด้าน จากนี้ต้องไม่เกิดการหยุดชะงัก จะแตกแยกขัดแย้งอีก ตนไม่ยอมอีกแล้ว ยอมไม่ได้ให้มาชักนำ หลังมานี้ตนไม่ไหว เหนื่อย แต่ยังสู้ได้ เรื่องปรองดอง ปฏิรูป ตนไม่ได้ปรองดองกับใคร ไม่ต้องมาอ้างเหตุผลอื่น เรื่องของคดีว่าผิดถูกไปพิสูจน์ตามกระบวนการกฎหมาย ไม่ได้สั่งลงโทษใคร

“อำนาจ 3 สถาบัน บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ ต้องใช้อย่างระมัดระวัง รัฐบาลไหนก็ตามพระมหากษัตริย์มอบอำนาจให้ ขอให้ไปใช้ให้ถูกต้อง มีธรรมาภิบาล อย่าไปถึงท่านลงมาอย่างเด็ดขาด ดูแลกันหรือเปล่า ผมในนามรัฐบาลดูแลท่าน ซึ่งท่านไม่เคยมายุ่ง อย่าไปเชื่ออะไรทั้งสิ้น”นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญวันข้างหน้าเราขาดพลังงาน เราต้องคิดตรงนี้ ให้ไปหาวิธีมา ทุกคนอยากได้ไฟฟ้า แต่ปักเสาไฟไม่ได้ อยากอยู่อย่างเดิมไหม วันนี้มารับนโยบาย ทุกคนต้องช่วยกัน แผ่นดินนี้แตกแยกขัดแย้งอีกต่อไปไม่ได้ ให้สัญญาด้วยชีวิต ภายใต้นโยบายทั้งหมดที่มี วันศุกร์พูดด้วยทำไมไม่พูดด้วย ปิดทีวีหนีหมด จำไว้เลยนะ รายการเดินหน้าประเทศไทยฟังเถอะ จะได้รู้ว่าทำอะไรให้ ส่วนตนพูดทุกอย่างที่ทำ ทุกวันนี้ตนไม่สามารถนอนหลับตาได้มา 8 เดือนแล้ว นอนไม่ค่อยหลับ ขู่จะเดินขบวน อย่าขู่กันเลย ตนใช้อำนาจเพื่อสร้างสรรค์ ไม่ใช่ใช้อำนาจจัดการใครทั้งสิ้น