จ่อเด้งรองผู้กำกับสน.ตลิ่งชันหลังค้ายาบ้า

จ่อเด้งรองผู้กำกับสน.ตลิ่งชันหลังค้ายาบ้า

รักษาราชการแทน ผกก.สน.ตลิ่งชันเผยจ่อเด้ง รองผู้กำกับ สน.ตลิ่งชัน หลังถูกโวยอมยาบ้าของกลาง 2 พันเม็ด

พ.ต.ท.ประเสริฐ สีตลาศัย พงส.ผนพ. รักษาราชการแทน ผกก.สน.ตลิ่งชัน รายงานข้อเท็จจริงด่วนมายัง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กรณี พ.ต.ท.วิเชียร แสงทรัพย์ รอง ผกก.ป.สน.ตลิ่งชัน และ ด.ต.อัคควิช เหรียญทอง ผบ.หมู่งาน ป.สน.ตลิ่งชัน ถูก พ.ต.อ.ธนวัฒน์ ตั้งวงษ์เจริญ ผกก.ฝ่ายประวัติบุคคล กองทะเบียนพล (อดีต ผกก.สน.ตลิ่งชัน) ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีอาญา โดยระบุว่าเมื่อวันที่ 16 ต.ค.2556 เวลาประมาณ 17.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลิ่งชัน และเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด บก.น.7 นำโดย พ.ต.ท.วิเชียร ได้จับกุมนายเอกมงคล พิพัฒน์ผล พร้อมของกลางยาบ้า 2,000 เม็ด โดยกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย โดยสามารถจับกุมได้บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน แต่เนื่องจากยาบ้ามีจำนวนมาก จึงส่งต่อให้พนักงานสอบสวน บก.ปส.1 บช.ปส.ดำเนินคดี

ต่อมากลุ่มงานสอบสวน บก.ปส.1 บช.ปส. มีหนังสือที่ 0027.22/3956 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2556 มาถึง พ.ต.อ.ธนวัฒน์ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผกก.สน.ตลิ่งชัน แจ้งว่าจากการสอบสวนนายเอกมงคล ให้การว่าก่อนถูกจับกุม ผู้ต้องหาได้ถ่ายรูปยาบ้าของกลางไว้ในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถูกยึดไว้เป็นของกลางในคดี และยังส่งภาพถ่ายยาบ้าของกลางไปให้ผู้ว่าจ้างเป็นหลักฐานผ่านทางโปรแกรมโทรศัพท์มือถือ ซึ่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.1 บช.ปส. ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ของผู้ต้องหา พบข้อมูลภาพถ่ายห่อกระดาษซึ่งมีสีและลักษณะคล้ายกับห่อยาบ้าของกลางในคดี 6 ห่อ ซึ่งมีไม่ตรงกับยาบ้าของกลางที่ส่งมาซึ่งมีเพียง 5 ห่อ

จากนั้น บก.ปส.1 บช.ปส. ขอให้ พ.ต.อ.ธนวัฒน์ ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจชุดจับกุมดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งทาง พ.ต.อ.ธนวัฒน์ ออกคำสั่ง สน.ตลิ่งชัน ที่ 132/2556 ลงวันที่ 30 ต.ค.2556 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้พิเคราะห์พฤติการณ์และคำให้การของผู้เกี่ยวข้องมีความเห็นว่า ยาบ้าของกลางในคดีมีทั้งสิ้น 6 ห่อ โดยยาบ้าของกลาง 1 ห่อ จำนวน 2,000 เม็ดได้หายไปในช่วงเวลาที่อยู่ในความครอบครองของ พ.ต.ท.วิเชียร โดยมี ด.ต.อัคควิช ได้ให้การพิรุธปิดบังข้อเท็จจริง ซึ่งข้อสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ผบก.น.7 สั่งตั้งตณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงกับตำรวจทั้ง 2 นาย โดยวันที่ 5 ม.ก.2558 พ.ต.อ.ธนวัฒน์ ได้เดินทางมาที่ สน.ตลิ่งชัน ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับตำรวจทั้งสองนาย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดยเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 15/2558 ประจำวันข้อ 11 เวลา 15.30 น.ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.ไต่สวนและดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2558 พ.ต.อ.ธนวัฒน์ ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ให้การว่า ทางเลขาธิการ ป.ป.ส.มีหนังสือที่ ยธ 1101/13765 ลงวันที่ 4 ธ.ค.2557 เรื่องแจ้งการโอนเงินสินบนเงินรางวัลการจับกุมคดียาเสพติดของ สน.ตลิ่งชัน กรณีการจับกุมนายอนุชิต ดีนันท์ และนายนิพัตร์ จริยะปัญญา ของกลางเฮโรอีน จำนวน 63 ห่อ น้ำหนักรวมกัน 22.145.735 กรัม เป็นเงิน 2,705,000 บาท เข้าบัญชีของ พ.ต.ท.วิเชียร และนับตั้งแต่วันที่ พ.ต.ท.วิเชียร รับทราบว่ามีเงินจำนวนข้างต้นเข้าบัญชีของตน จนถึงปัจจุบันเป็นเวลาล่วงเลยมานานพอสมควรแล้วปรากฏว่า พ.ต.ท.วิเชียร ผู้รับโอนเงินสินบนเงินรางวัล มีหน้าที่ต้องแจ้งให้ผู้มีรายชื่อในบันทึกจับกุมทราบ และมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินรางวัลให้แก่ผู้จับกุมทุกคน แต่กลับเพิกเฉยไม่แจ้งเรื่องดังกล่าวให้ พ.ต.อ.ธนวัฒน์ ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่มีชื่อร่วมจับกุมและมีสิทธิได้รับเงินรางวัล พ.ต.อ.ธนวัฒน์ จึงร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญากับ พ.ต.ท.วิเชียร ในความผิดฐานยักยอกเงินรางวัลในส่วนที่เป็นของ พ.ต.อ.ธนวัฒน์

จากรายงานข้อเท็จจริงดังกล่าว พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยว่า หลังจากได้รับรายงานได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อเอาผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและดำเนินคดีอาญา ซึ่งอาจมีการพิจารณาให้ออกจากราชการไว้ก่อนหากมีมูลว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีที่ พ.ต.อ.ธนวัฒน์ ร้องทุกข์ดังกล่าว ทางพนักงานสอบสวนได้โทรศัพท์มือถือแจ้งให้กับ พ.ต.ท.วิเชียร ทราบว่า พ.ต.อ.ธนวัฒน์ ได้ทวงเงินรางวัลในส่วนที่สมควรได้ โดย พ.ต.ท.วิเชียร ได้โอนเงินรางวัลในส่วนของ พ.ต.อ.ธนวัฒน์ เข้าบัญชีธนาคารทันที ทำให้ พ.ต.อ.ธนวัฒน์ มีความพอใจจึงไม่ติดใจที่ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในข้อหายักยอกเงินดังกล่าว