10ข่าวเด่นปี57:รัฐประหารครั้งสุดท้าย

กองบรรณาธิการ "กรุงเทพธุรกิจ" จัดลำดับข่าวในรอบปี 2557 ที่กำลังสิ้นสุดลงและก้าวสู่ศักราชใหม่ 2558
กองบรรณาธิการ "กรุงเทพธุรกิจ" จัดลำดับข่าวในรอบปี 2557 ที่กำลังสิ้นสุดลงและก้าวสู่ศักราชใหม่ 2558 ซึ่งรอบปีที่ผ่านมามีข่าวที่มีผลกระทบในวงกว้าง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและด้านต่างประเทศ และส่งผลกระทบกับคนไทย
1.รัฐประหาร22พ.ค.ขอเป็น"รอบสุดท้าย
แทบไม่มีใครอยากเชื่อว่าประเทศไทยจะมีรัฐประหารอีกครั้งในปี 2557 ก่อนการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เพียง 1 ปี
การชุมนุมอันยืดเยื้อยาวนานของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ซึ่งยกระดับมาจากการชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม "ฉบับสุดซอย" กลายเป็นแรงกดดันให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องตัดสินใจยุบสภา
การเมืองเดินสู่ทางตัน สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในขณะนั้น ประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร เมื่อเช้ามืดของวันที่ 20 พ.ค.57 แล้วกองทัพได้ทำหน้าที่ "คนกลาง" เชิญคู่ขัดแย้งทางการเมืองมานั่งโต๊ะเจรจาหาทางออกกัน ก่อนนำไปสู่รัฐประหาร 22 พ.ค.57
ทิ้งห่างการรัฐประหารครั้งก่อนหน้าเพียง 8 ปี
แน่นอนว่าข่าวการรัฐประหารย่อมเป็นข่าวใหญ่ที่สุดในรอบปีอย่างไม่ต้องสงสัย และไม่เพียงเป็นข่าวเกรียวกราวในประเทศไทยทว่าเป็นข่าวดังไปทั่วโลก
สิ่งที่ต้องบันทึกไว้คือ ปฏิบัติการยึดอำนาจอย่างเนียนๆ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เชื่อกันว่าการส่งทหารเป็นหมวดย่อยๆ ตั้งบังเกอร์ทั่วกรุง, การประกาศกฎอัยการศึกด้วยข้ออ้างควบคุมสถานการณ์ และการเชิญกลุ่มการเมืองทุกกลุ่มมาเจรจานั้นแท้ที่จริงคือบันไดก้าวสู่การรัฐประหารนั่นเอง
สิ่งที่คนไทยทั้งประเทศเฝ้ารออยู่ก็คือ การรัฐประหารเที่ยวนี้จะ "เสียของ" อีกหรือไม่
ทุกฝ่ายล้วนคิดตรงกันให้การยึดอำนาจครั้งนี้ต้องเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ เสียที!
2. มหากาพย์ 'ช่อง3' จอดำ (ยังไม่จบ)
เหตุการณ์สำคัญในอุตสาหกรรมโทรทัศน์ปี 2557 ที่ได้รับความสนใจ ไม่แพ้การออกอากาศ "ทีวีดิจิทัล" ช่องใหม่ ต้องยกให้ "ช่อง3 จอดำ" ระบบอนาล็อกบนโครงข่ายเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม
ปมปัญหามาจากความเห็นขัดแย้ง ระหว่าง "ช่อง3 และกสทช." จากการออกประกาศ กสทช. หลักเกณฑ์ "มัสต์แครี่" วันที่ 24ก.ค.2555 ที่กำหนดนิยาม "โทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป" (ฟรีทีวี) และกำหนดฐานะ "ทีวีดิจิทัล" คือ ฟรีทีวี ที่สามารถออกอากาศได้ออกอากาศ "ทุกช่องทาง" โดยโครงข่ายหรือแพลตฟอร์ม "เคเบิลและดาวเทียม" มีหน้าที่นำช่องฟรีทีวีไปแพร่ภาพ
วันที่ 8 ต.ค. ศาลปกครอง มีคำสั่งให้ ช่อง 3 และ กสท. มาให้ถ้อยคำต่อศาล จากนั้น "กสท.และ ช่อง 3" ตกลงกันได้นำรายการช่อง 3 อนาล็อกไปออกอากาศแบบคู่ขนาน (Simulcast) ในช่อง 33 แบบความคมชัดสูง (HD ) แบบช่อง 7 และ ช่อง 9 ภายใต้ประกาศหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
โดยช่อง 3 ได้เริ่มออกอากาศคู่ขนานช่องดิจิทัล 33 เอชดี ตั้งแต่ 20.15 น. ของวันที่ 10 ต.ค.2557 เริ่มด้วยรายการ"คืนความสุขให้คนในชาติ"
แต่!! มหากาพย์ "ช่อง 3 จอดำ" ยังไม่ปิดคดี เมื่อ บริษัทกรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด หรือ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก "ช่อง7" ได้ยื่นร้องเรียนไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ บอร์ด กสท.จงใจฝ่าฝืนต่อกฎหมายและเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐกรณีนำผังรายการช่อง 3 อนาล็อกไปออกอากาศบนช่อง 33แบบคู่ขนาน 100%
ช่อง 7 เห็นว่าเกิดความเสียหายแก่รัฐ ทำให้รัฐขาดรายได้ จากค่าธรรมเนียมการประมูลกว่า 3,000 ล้านบาท และยังเป็นการกระทำให้ผู้ประกอบการกิจการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลรายอื่นๆ ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้หากกสท.ถูกชี้มูล ก็อาจต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่และมีผลต่อการออกคู่ขนาน ช่อง 3 อาจเป็นโมฆะไปด้วย
3.ปี57แจกคูปองทีวีดิจิทัล7ล้านใบ
หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประมูลคลื่นความถี่โทรทัศน์ระบบดิจิทัล (ทีวีดิจิทัล) 24 ช่อง รวมมูลค่าประมูล 50,862 ล้านบาท ในปลายปี 2556
ทีวีดิจิทัลทั้ง 24 ช่อง เริ่มทยอยส่งสัญญาณออกอากาศตั้งแต่ เม.ย.2557 เป็นต้นมา ขณะที่สำนักงาน กสทช. เริ่มกระบวนการกำหนด "มูลค่า" คูปองเพื่อสนับสนุนการรับชมทีวีดิจิทัลสรุปมูลค่าคูปองที่ "690 บาท"
กำหนดแจกครัวเรือนทั่วประเทศรวมงบประมาณแจกคูปอง 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการประมูลทีวีดิจิทัล
ปี 2557 กสทช. แจกคูปองรวม 3 ล็อต ครอบคลุมพื้นที่ 42 จังหวัด รวมยอดคูปอง 7 ล้านใบ มูลค่า 4,830 ล้านบาท
โครงการแจกคูปองเพื่อสนับสนุนประชาชนรับชม "ทีวีดิจิทัล" ช่องฟรีทีวีที่จัดสรรคลื่นใหม่ จากเดิมที่มีเพียง 6 ช่องฟรีทีวีอนาล็อกถือเป็น "จุดเปลี่ยน" สื่อโทรทัศน์ไทยในรอบ 60 ปี
4.โลกผวาอีโบลาระบาดร้ายแรงสุด
ไวรัสอีโบลากลับมาสร้างความตื่นตระหนกแก่ชาวโลก ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 7,370 ราย นับถึงวันที่ 21 ธ.ค. และทำให้การระบาดครั้งนี้รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังจากมีการติดเชื้อเริ่มแรกที่กินี จากนั้นก็ลามไปยัง 2 ประเทศในแอฟริกาตะวันตกได้แก่ไลบีเรียกับเซียร์ราลีโอน ทั้งยังออกไปนอกทวีปเมื่อชาวไลบีเรียที่ติดเชื้อ ไปแสดงอาการขณะอยู่ในสหรัฐ
ทวีปยุโรปก็มีผู้ติดเชื้อ 1 รายเช่นกัน เป็นพยาบาลสเปนที่ดูแลมิชชันนารีซึ่งติดเชื้อมาจากแอฟริกาตะวันตกจนเสียชีวิตลงในที่สุดส่วนพยาบาลสเปนนั้นคอยเช็คอุณหภูมิสม่ำเสมอและได้รับการรักษาตั้งแต่แรกทำให้หายขาด
แม้ไวรัสอีโบลาไม่ได้ติดต่อผ่านอากาศ และติดต่อผ่านสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการ ขณะที่บริษัทเวชภัณฑ์เร่งพัฒนายา รวมถึงวัคซีนเพื่อเยียวยาและป้องกันโรคนี้
5.เฟดปิดฉากคิวอีหลังอัดฉีด6ปี
หลังจากอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปริมาณมหาศาลประมาณ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์มา 6 ปีนับจากปี 2551 เพื่อกระตุ้นสหรัฐให้ฟื้นตัว ผ่านมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในรูปของการเข้าซื้อตราสารหนี้กระทรวงการคลังและสินเชื่อเพื่อการจดจำนอง เพื่อดึงอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ลดลง
ในที่สุดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ยุติคิวอีระลอก 3 เมื่อเดือนต.ค. หลังจากเริ่มปรับลดการเข้าซื้อพันธบัตรลงครั้งละ 10,000ล้านดอลลาร์มาตั้งแต่ต้นปีนี้ จากปกติที่เข้าซื้อเดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์
คิวอีที่จัดทำมา 3 ระลอกและปิดฉากลงไปนั้น มีขึ้นพร้อมสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวและเติบโตไปได้ตามที่คาดการณ์ไว้ หลังจากตกสู่ภาวะถดถอยเมื่อปี 2550-2552
สิ่งที่นักลงทุนและประเทศต่างๆ ในโลกจับตา คือขั้นตอนต่อไปคือการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0-0.25% มาตั้งแต่เดือนธ.ค. 2551
6.มาร์เก็ตแคปหุ้นทะลุ13ล้านล้าน
ปี 2557 เป็นอีกหนึ่งปี สำหรับตลาดหุ้นไอพีโอ ที่ได้รับความนิยม โดยดึงดูดหุ้นไอพีโอเข้ามาซื้อขายทั้งในตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ รวมถึง 36 บริษัท โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยถึง 88.62% จากราคาไอพีโอ (คำนวณจากราคาปิดวันที่ 25ธ.ค.2557) ขณะที่มีหุ้นไอพีโอให้ผลตอบแทนเกินกว่า 100% มากถึง 16 บริษัท มีบางบริษัทที่ราคาหุ้นไอพีโอร้อนแรงพุ่งเหนือราคาจองถึง200%
ในที่สุดก็ต้องออกมาตรการสกัดหุ้นร้อน หมายรวมถึงหุ้นไอพีโอที่ร้อนแรงเกินคาด เพื่อคุมความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นให้มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยใช้มาตรการสกัดการเล่นรอบ เบรกหุ้นไอพีโอชะงัก
ขณะที่ตลาดหุ้นไทย ก็ผันผวนตามกระแสข่าวรายวัน โดยเฉพาะช่วงกลางเดือนธ.ค.หุ้นไทยถูกข่าวลือทุบหุ้นดิ่งตัวอย่างรุนแรงเฉียด 140 จุด แต่ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดสิ้นปี ก็ไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1500 จุด
แต่ปี 2557 ก็ถือเป็นปีนำโชคให้กับคนเล่นหุ้น เพราะดัชนีหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันที่ 30 ธ.ค. ดัชนีพุ่งขึ้น 200 จุด โดยมาปิดที่ระดับ 1,497 จุด มาร์เก็ตแคปทะลุ 13 ล้านล้านบาท
7.พลังงานขึ้นราคา"เอ็นจีวี-แอลพีจี"
รัฐบาลประกาศนโยบายปฏิรูปพลังงานมาตั้งแต่เข้าบริหารประเทศ แต่ไม่มีใครคิดว่านโยบายยกเลิกการอุดหนุนราคาพลังงานจะทำได้สำเร็จ เพราะที่ผ่านมาทุกรัฐบาล ยังต้องอุดหนุนราคา ทั้งราคาก๊าซและน้ำมันดีเซล แต่รัฐบาลถือว่าโชคดีอย่างมาก เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลงอย่างรุนแรง
กระทรวงพลังงานเริ่มปรับราคาก๊าซและน้ำมันตามต้นทุนที่แท้จริงมาอย่างต่อเนื่อง ปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีหรือก๊าซหุงต้ม ทั้งภาคขนส่งและภาคครัวเรือน จนมีราคาเดียวกัน ที่กิโลกรัมละประมาณ 23 บาท โดยมีกระแสต่อต้านไม่มากนัก จากนั้นก็เริ่มขยับภาคขนส่งสูงกว่าภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรม
ขณะเดียวกัน ก็ปรับราคาเอ็นจีวี เพิ่มมาอยู่ที่ 12.50 บาทต่อกิโลกรัม โดยจะทยอยปรับขึ้นไปอีก ตั้งเป้าหมายที่ระดับ 16 บาทต่อกิโลกรัม
การยกเลิกการอุดหนุนเอ็นจีวี-แอลพีจี ถือเป็นความกล้าหาญ บวกกับโชคช่วยจากราคาพลังงานโลกลดลง แต่ยังเป็นเรื่องท้าทายในระยะยาวว่าหากราคาขาขึ้น นโยบายราคาพลังงานตามต้นทุนจะยังคงอยู่ได้หรือไม่พลังงาน
8.ปรับโฉมไอซีทีรับ'ดิจิทัลอีโคโนมี'
นโยบายการขับเคลื่อนประเทศตามคำแถลงนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้ทัดเทียมต่างประเทศ ด้วยการบริหารประเทศในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น "เศรษฐกิจดิจิทัล หรือดิจิทัล อีโคโนมี" ถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวถึง และผลักดันให้เป็นตัวนำ โดยมีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นแกนหลัก
ล่าสุด วันที่ 17 ธ.ค. 2557 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเปลี่ยนชื่อกระทรวงไอซีที เป็นกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพร้อมกำหนดปรับโครงสร้างและภาระหน้าที่รับผิดชอบ
ภารกิจเร่นด่วนอันดับแรกที่จะดำเนินการหลังเปลี่ยนโครงสร้างกระทรวงคือ การสนับสนุนดิจิทัล คอนเทนท์ หรือการผลิตซอฟต์แวร์ อี-เลิร์นนิ่ง แอพพลิเคชั่น และเกมออนไลน์ เพื่อใช้ความสามารถของคนไทยสร้างดิจิทัลไปขายออกสู่ตลาดโลก เร่งการส่งเสริมการประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ตามนโยบายดิจิทัล อีโคโนมีของรัฐบาล และรัฐบาลจะผลักดันให้เกิดการประมูลคลื่นความถี่ 4จีบนย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์
9.ปีแห่งการปรับลด 'จีดีพี'
ปี 2557 นับเป็นอีกหนึ่งปีที่เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับความผิดหวัง และยังเป็นปีที่สองติดต่อกันที่ องค์กรต่างๆ พากันปรับ “ลด” ตัวเลขคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยลง
เริ่มจาก ธปท. เมื่อปลายปี 2556 ได้ประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2557 ไว้ที่ 4.8% แต่จากปัญหาการเมืองในช่วงต้นปี 2557 ที่เริ่มยืดเยื้อ ธปท.จึงได้ปรับลดคาดการณ์เหลือ 2.7% ในช่วงเดือนมี.ค.2557
ต่อมาแม้สถานการณ์การเมืองจะเริ่มคลี่คลายขึ้น เพียงแต่ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น การบริโภคซบเซา ธปท.ปรับลดคาดการณ์การเติบโตลงอีกครั้งในช่วงเดือนมิ.ย.2557 เหลือ 1.5% กระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ธปท. ได้ปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2557 ใหม่เหลือเติบโตเพียง 0.8% เนื่องจากการส่งออกที่คาดว่าจะหดตัว เป็นแรงกดดันเศรษฐกิจไทยในปีนี้
เช่นเดียวกับทาง สศค. ซึ่งเดิมทีคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยในปี 2557 ไว้ที่ 4% ก่อนจะปรับลดลงเหลือ 2.6% ในช่วงเดือนมี.ค.2557 หลังจากนั้นในช่วงเดือนก.ค.2557 ได้ปรับลดคาดการณ์ลงอีกครั้งเหลือ 2% ต่อมาในเดือนต.ค.ได้หั่นคาดการณ์การเติบโตลงมาอยู่ที่ 1.2-1.7% กระทั่งล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สศค. ได้ปรับลดคาดการณ์ใหม่เหลือเติบโตเพียง 1%
ขณะที่ สศช. ประเมินเมื่อช่วงต้นปี 2557 ว่าเศรษฐกิจไทยในปีดังกล่าวจะโตได้ 4-5% แต่หลังจากนั้นเมื่อเดือนก.พ.2557 ได้ปรับลดคาดการณ์ดังกล่าวลงมาเหลือ 3-4% ก่อนจะปรับลดลงเหลือ 1.5-2.5% ในช่วงเดือนพ.ค.2557 และสุดท้ายเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา สศช. ได้หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลงอีกครั้งเหลือ 1% ปีนี้จึงเป็นปีที่ที่หน่วยงานเศรษฐกิจไทยพร้อมใจกันปรับลดประมาณการทางเศรษฐกิจไทยลงต่อเนื่องตลอดปี
10.ปีแห่งภัยพิบัติการบินมาเลย์
ปีนี้เป็นปีแห่งโศกนาฏกรรมของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เริ่มจากวันที่ 8 มี.ค. ที่เที่ยวบินเอ็มเอช 370 สูญหายไปพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิต ระหว่างบินจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปกรุงปักกิ่ง การตรวจสอบตอนแรกพุ่งประเด็นไปที่การเชื่อมโยงกับก่อการร้าย
มีการเปิดเผยแผนที่อันเป็นเส้นทางที่เอ็มเอช 370 น่าจะบินไป โดยแผนที่ระบุว่าเอ็มเอช 370 หันหัวกลับมาจากทะเลจีนใต้ ตัดเข้าปลายสุดของไทยบริเวณชายแดนติดกับมาเลเซีย จากนั้นบินข้ามคาบสมุทรมาเลเซีย แล้ววกมาทางตะวันตกของคาบสมุทรมะละกาใกล้ปีนัง จากนั้นก็บินพ้นขอบเขตเรดาร์ทหารของมาเลเซีย
ต่อมาในเดือนก.ค.เครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ตกเหนือน่านฟ้าทางตะวันออกของยูเครน ทำให้ผู้โดยสาร 283คน และลูกเรือ 15 คนเสียชีวิตทั้งหมด และเศษซากกระจายไปหลายไมล์ในดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน
เหลืออีกไม่กี่วันก่อนปิดฉากปี 2557 ปรากฏว่าเครื่องบินของสายการบินแอร์เอเชียพร้อมผู้โดยสาร 162 ชีวิตสูญหายไป ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้ายขณะบินจากอินโดนีเซียไป







