ฟัน'พงศ์พัฒน์'กับ5นายตำรวจ ผิดวินัยร้ายแรง-ไล่ออกราชการ

ฟัน'พงศ์พัฒน์'กับ5นายตำรวจ ผิดวินัยร้ายแรง-ไล่ออกราชการ

คณะกรรมการสอบสวน ตร. มีมติไล่ "พงศ์พัฒน์" พร้อมนายตำรวจอีก 5 นาย ออกจากราชการ ฐานผิดวินัยร้ายแรง

โฆษก ตร.เผยมีนายตำรวจเครือข่ายอีกล็อตถูกฟันวินัย เตรียมประกาศผลเร็วๆ นี้ ด้านตำรวจนครบาล เร่งประสานต้นสังกัดส่งตัว "ผู้กำกับวรพจน์" มาดำเนินคดี สั่งชุดสืบไล่จับหากเบี้ยว ผบช.น.ระบุ คดีอาบูบาก้ามีพลเรือน 3-4 รายมีเอี่ยวเป็นนายทุน ส่วนกองปราบจ่อแจ้งจับเพิ่มอีกคดี หลังพบพัวพันบ่อนรัชดาฯ อีกแห่ง ช่วงปี 2552-2553

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยเมื่อวานนี้ (22 ธ.ค.) ถึงผลการสอบสวนวินัย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กับพวก รวม 6 คน ว่า จากการสอบสวนในคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวกพบว่า มีการกระทำผิดจริงคณะกรรมการจึงมีมติเห็นชอบให้ไล่นายตำรวจทั้ง 6 ออกจากราชการ เนื่องจากผลการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดกระทำผิดวินัยร้ายแรง

สำหรับนายตำรวจที่คณะกรรมการมีมติให้ไล่ออกจากราชการ ประกอบด้วย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงค์รุ่งโรจน์ อดีต ผบช.ก. พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีตผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผกก.4 บก.ปคบ.) ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา อดีต ผบ.หมู่ กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม (กก.ปพ.บก.ป.) และด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง อดีต ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป. ผู้ต้องหา ตามความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลอาญา มาตรา 112 เป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบ เรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวนเตรียมทำรายงานสรุปผลการสอบสวนทั้งหมด เสนอต่อ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบฝ่ายกฎหมาย เพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป

"เร็วๆ นี้จะให้นายตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ออกจากราชการเพิ่มอีก เพราะกระทำผิดวินัยร้ายแรง" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของตำรวจที่ยังหลบหนี ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามอบตัวเพิ่มเติมแต่อย่างใด ส่วนการถอดยศ จะมีการดำเนินการต่อไป ซึ่งเงื่อนไขการถอดยศจะต้องเป็นตำรวจที่มีความผิดวินัยร้ายแรง หรือต้องคำพิพากษาจำคุกในคดีอาญา โดยไม่จำเป็นต้องรอให้คดีถึงที่สุด ก็สามารถดำเนินการได้

วันเดียวกัน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พร้อมเครือข่ายในคดีเรียกรับผลประโยชน์จากการจับกุมคดีบ่อนการพนันออนไลน์เครือข่ายอาบูบาก้า บินสุไลมาน ว่า สั่งการให้ติดตามตัว พ.ต.อ.วรวรพจน์ พืชผล ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผกก.1 บก.ปอศ.) มาดำเนินคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานกับต้นสังกัด หากไม่มาก็จะให้ฝ่ายสืบสวน บช.น. ติดตามจับกุมตัวทันที

พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า การขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทุจริตในคดีอาบูบาก้า บินสุไลมานนั้นต้องดูว่าการสอบสวนมีการให้การอย่างไรหรือซัดทอดถึงใคร แต่ขณะนี้มีผู้ต้องหาแค่ 5 คน ส่วน พ.ต.ต.และร.ต.อ.ที่มีรายชื่อเกี่ยวข้อง พอรู้รายละเอียดเกี่ยวกับคดีเท่านั้น ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงถึงเป็นเพียงพยานเท่านั้น ถ้ามีหลักฐานเชื่อมโยงทางการเงินถึงใครก็จะถูกดำเนินคดี

พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวด้วยว่า ชุดสืบสวนกองบังคับการปราบปรามจะมีการแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติม กรณีลักลอบเปิดบ่อนการพนันในสถานบริการชื่อดังแห่งหนึ่งย่านรัชดาฯ ที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพล.ต.ต.โกวิทย์ และผู้ที่ถูกดำเนินคดีไปแล้ว โดยเกิดขึ้นใกล้เคียงกันกับคดีบ่อนการพนันออนไลน์อาบูบาก้า ปี 2552-2553

นอกจากนี้มีผู้เกี่ยวข้องอีก 3-4 ราย เป็นพลเรือนที่เป็นกลุ่มนายทุน ซึ่งจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ

เมื่อถามถึงกรณีบ่อนการพนันที่สถานบริการย่านรัชดาฯ จะมีการดำเนินคดีความผิดตามมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ตอบว่า ทางพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดี 112 ไปหมดแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาคดี 112 เพิ่มเติมแต่อย่างใด

ผบช.น. กล่าวว่า ส่วนการตรวจสอบทรัพย์สินเป็นที่ดิน 2 แห่งใน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ นั้น พล.ต.ต.ประสพโชค พร้อมมูล ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.) เป็นผู้รับผิดชอบ เบื้องต้นยังไม่รับรายงานความคืบหน้าและไม่ได้ไปตรวจสอบ

ส่วนตำรวจนครบาลจะตรวจสอบเรื่องไม้มีตราประทับหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นไม้ที่มาจากต้นไม้อายุ 50-60 ปี ส่วนสำนวนคดีการกระทำความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ท้องที่ สน.สามเสน และสน.ลาดพร้าว ได้ตรวจสำนวนแล้วและสั่งการให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำเพิ่มเติมในรายละเอียดบางส่วน คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบภายในสัปดาห์นี้

เมื่อถามว่า สำนวนคดีฟอกเงินจะมีการขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า สั่งการให้คณะพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวเดินทางเข้าประชุมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในวันนี้ (23 ธ.ค.) ส่วนอำนาจการขออนุมัติออกหมายจับเพิ่มเติมทาง ปปง. จะประสานข้อมูลให้พนักงานสอบสวนดำเนินการออกหมายจับต่อไป