รีสอร์ทสวนผึ้ง'พ.ต.อ.โกวิท-สุดาทิพย์'ประกาศขาย

รีสอร์ทสวนผึ้ง'พ.ต.อ.โกวิท-สุดาทิพย์'ประกาศขาย

รีสอร์ทสวนผึ้ง"พ ต.อ.โกวิท-สุดาทิพย์ ม่วงนวล"2ผู้ต้องหา ติดป้ายประกาศขาย คดีครอบครองป่าเชื่อมโยง"พงศ์พัฒน์"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็นที่ฮือฮาเมื่อมีข่าวการประกาศขายรีสอร์ทสวนผึ้งรีสอร์ท ตั้งหมู่ 2 ต.สวนผึ้ง อ. สวนผึ้ง จ. ราชบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่ามีการปักป้ายประกาศขายกิจการไว้ด้านหน้าพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ ทราบว่าในราคากว่า 50 ล้านบาท สำหรับสวนผึ้งรีสอร์ทเป็นหนึ่งในธุรกิจของ พ ต.อ.โกวิท ม่วงนวล พร้อมภรรยา นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล นามสกุลเดิมอัครพงศ์ปรีชา 2 ผู้ต้องหาร่วมกันก่อสร้างแผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าฯ หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเชื่อมโยงกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)

จากการตรวจสอบพบว่า บริเวณสวนผึ้งรีสอร์ทบางส่วนมีการถูกรื้อทิ้ง เป็นพื้นที่ส่วนเกินประมาณ 10 ไร่ ที่ถูกร้องเรียนว่ามีการบุกรุก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้ยังถือเป็นพื้นที่ของกลางที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีอยู่ ทางทหารจึงได้มีการส่งกำลังเข้าไปเฝ้าไว้ เพื่อไม่ให้มีการทุบทิ้งทำลายของกลางในคดี แต่สวนผึ้งรีสอร์ทยังเปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมบรรยากาศภายในรีสอร์ทตามปกติ ในส่วนด้านหลังรีสอร์ทซึ่งเป็นบ้านพักและเรือนรับรองจำนวน 3 หลังนั้นบางส่วนทางเจ้าของรีสอร์ทได้ทำการรื้อถอนออกเองแล้วตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.57 ที่ผ่านมา เนื่องจากทางกรมธนารักษได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่าพื้นที่ที่มีการปลูกบ้านพักนั้นเป็นพื้นที่ป่า ซึ่งมีการรับโอนสิทธิ์การเช่ามาจากผู้เช่ารายอื่น พื้นที่รวมทั้งหมด 128 ไร่ รวมทั้งตัวรีสอร์ทด้วย

แต่เมื่อสัญญาเช่าหมดอายุ ทางกรมธนารักษ์ได้เข้าตรวจสอบและอนุญาติให้เช่าได้เพียง 78 ไร่ นอกนั้นไม่ได้มีการให้เช่าแต่อย่างใด แต่ทางผู้ประกอบการรื้อสอร์ทสวนผึ้งนั้นยังคงเพิกเฉยและทำการปลูกบ้านพัก เรือนรับรอง พร้อมทั้งสร้างอาคารกักเก็บน้ำเพื่อไว้ใช้ แต่เมื่อเกิดคดีขึ้นมาจึงได้เข้ามารื้อถอนบางส่วนออกมา แต่ยังรื้อถอนออกไม่หมด และทรัพย์สินที่ได้ทำการรื้อถอนออกมานั้นก็ถูกอายัดไว้ทั้งหมด และห้ามทำการนำออกนอกพื้นที่เด็ดขาด แต่ในส่วนของฝายปูนที่สร้างเป็นถนนกั้นน้ำลำห้วยหนึ่งไว้ ซึ่งกีดขวางทางน้ำนั้นยังไม่ได้มีการรื้อถอน ซึ่งฝายดังกล่าวนั้นสร้างขวางทางน้ำ เป็นการกักเก็บน้ำไว้ใช้ภายในรีสอร์ท แต่ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ปลายน้ำนั้นได้รับความเดือดร้อนเพราะขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งนั้นก็จะเกิดปัญหามากขึ้นอีก

ซึ่งในพื้นที่อ.สวนผึ้ง ผู้ประกอบการรีสอร์ทก็มักจะทำการปิดกั้นทางน้ำเหมือนกันเกือบทั้งหมด และในช่วงหน้าแล้งของทุกปีก็จะเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำ จนชาวบ้านต้องไปร้องเรียนที่อำเภอสวนผึ้งทุกปี แต่ยังไม่เคยได้รับการแก้ไขจากหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการ เพราะไม่มีกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ประกอบการรีสอร์ทเพราะมีการแอบอ้างจนไม่มีกล้าเข้าแตะ และชาวบ้านก็จะเดือดร้อนอย่างนี้ทุกปี

ขณะที่ในเว็บไซต์ สวนผึ้งรีสอร์ท ระบุข้อมูลว่า รีสอร์ท แห่งนี้ เกิดขึ้น จากแรงบันดาลใจจากวัยเยาว์ และความชื่นชอบในการ์ตูน สู่รีสอร์ทที่มีความแปลกใหม่ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่นำโลกแห่งการ์ตูนจากยุคหิน มาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างลงตัว สวนผึ้ง รีสอร์ท ตั้งอยู่ในอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี บนพื้นที่ซึ่งโอบล้อมด้วยทิวทัศน์อันงดงามแห่งขุนเขาอันเขียวขจี ท้องฟ้าสีครามใส และอากาศอันบริสุทธิ อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมต่างๆ สำหรับทุกคนในครอบครัว นอกจากนี้ ยังอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่น่าสนใจ อาทิ โป่งยุบ ธารน้ำร้อนบ่อคลึง ฟาร์มกล้วยไม้ น้ำตกเก้าโจน และ แก่งส้มแมว สำหรับการออกแบบที่พัก และสถานที่ต่างๆ มีการนำตัวการ์ตูน เรื่อง มนุษย์หินฟลิ้นท์สโตนส์ ซึ่งเป็นการ์ตูนชื่อดังในต่างประเทศ มาใช้ประกอบด้วยในพื้นที่มีทั้งหมดประมาณ 120 ไร่

วันเดียวกันผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ติดต่อไปยังสวนผึ้งรีสอร์ท เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องการประกาศขายกิจการ และการสั่งรื้อสิ่งปลูกสร้างอีกครั้ง โดยได้รับการยืนยันจาก พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล สามี นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล (นามสกุลเดิมอัครพงศ์ปรีชา) ว่ามีการขึ้นป้ายประกาศขายกิจการจริง"พวกเรารู้สึก เหนื่อย ไม่อยากทำธุรกิจอะไรอีกแล้ว จึงประกาศขายกิจการ"

พ.ต.อ.โกวิท ยังระบุด้วยว่า "ตอนนี้ผมก็โดนคดีความ ภรรยาก็โดนคดีความ จึงรู้สึกเหนื่อยมาก อยากอยู่เฉยๆ ไม่อยากทำอะไรอีกต่อไปแล้ว รวมถึงร้านอาหารที่สนามบินสุวรรณภูมิด้วย"

เมื่อถามว่า ตั้งราคาขายสวนผึ้งรีสอร์ทไว้เท่าไร พ.ต.อ.โกวิท ตอบว่า "ตอนแรกคิดว่าก็ประมาณ 50 ล้านบาท แต่ได้แค่ 5-10 ล้านบาท ผมก็เอาแล้ว แต่คิดว่าตอนนี้คงไม่มีใครอยากมาซื้อต่อหรอก"

"เมื่อคืนก็พึ่งคุยกับเพื่อน ๆ ว่า ผมไม่อยากทำต่อแล้วนะ ไม่อยากทำธุรกิจอะไรอีกแล้ว ใครอยากที่จะทำต่อ เข้ามาทำได้เลย"

เมื่อถามว่า มีการสั่งให้รื้อพื้นที่ส่วนเกินประมาณ 10 ไร่ ทิ้งไปเพื่อทำลายของกลางคดีบุกรุกหรือไม่ พ.ต.อ.โกวิท ตอบว่า มีการสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบางส่วนออกไป แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายของกลางอะไร ทำไปเพื่อความสบายใจมากกว่า เราไม่อยากให้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีก มีคนเขาร้องเรียนมาเราก็ทำให้"

พ.ต.อ.โกวิท กล่าวด้วยว่า "ตอนนี้ชีวิตเหนื่อยมาก อยากจะหยุดทุกอย่าง ในส่วนของผม ได้ประกันตัวออกมาสู้คดี แต่ภรรยายังถูกควบคุมตัว ก็ต้องมาคอยดูแล รวมถึงชีวิตของลูกๆหลานๆ ด้วย มันเหนื่อยมากไม่อยากจะทำอะไรอีกแล้ว"