ผ่า!6ปัจจัย'ฮ.รองแม่ทัพภาค3ตก'

ผ่า!6ปัจจัย'ฮ.รองแม่ทัพภาค3ตก'

ทีมข่าวความมั่นคง สำนักข่าวเนชั่น ผ่า6ปัจจัย "ฮ.รองแม่ทัพภาคที่3ตก"

โศกนาฎกรรมเฮลิคอปเตอร์แบบ 212 (ฮ.ท.212) หรือ "เบลล์ 212" ของกองทัพบก (ทบ.) ประสบอุบัติเหตุตกกลางทุ่งนาในพื้นที่บ้านดอกบัว ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา ส่งผลให้ทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 3 เสียชีวิตรวม 9 นาย ถือเป็นความสูญเสียครั้งร้ายแรง นับตั้งแต่เหตุการณ์ ฮ.ตก 3 ลำที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เมื่อปี 2554 ทำให้ทหารเสียชีวิตรวม 17 นาย

ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินในกองทัพวิเคราะห์สาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ โดยย้ำว่ายังไม่สามารถสรุปสาเหตุของ ฮ.ตกได้ จนกว่าจะมีผลการสอบสวนของคณะกรรมการนิรภัยการบินออกมา

แต่จากสภาพที่เครื่้องตกแบบหงายท้อง และเกิดไฟลุกท่วมอย่างรุนแรงแสดงว่า เครื่องตกกระแทกพื้นแรงมาก ซึ่งสามารถวิเคราะห์ปัจจัยด้านต่างๆ ที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ ฮ.ตกได้เป็นข้อๆ ดังนี้

1.เครื่องยนต์ กรณี้นี้เกิดขึ้นได้ยากมาก เพราะเบลล์ 212 มีเครื่องยนต์ 2 เครื่อง หากเครื่องยนต์หนึ่งดับ เครื่องยนต์อีกเครื่องก็สามารถทำงานทดแทนได้ทันที และโอกาสที่เครื่องยนต์จะดับพร้อมกันทั้ง 2 เครื่องแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ยกเว้นว่ามี "น้ำ" อยู่ใน "น้ำมัน" ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์ดับพร้อมกันทั้ง 2 เครื่องได้

2. สภาพอากาศ ที่มีข่าวว่านายทหารรายหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊คก่อนเกิดอุบัติเหตุว่า สภาพอากาศปิดนั้นจากการตรวจสอบพบว่า เป็นการโพสต์ในช่วงเช้า แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นในช่วงเย็นที่สภาพอากาศดีมาก เรื่องของสภาพอากาศจึงไม่น่าจะเป็นไปไปได้

3. น้ำหนักบรรทุก แม้ว่า ฮ.ลำนี้จะประสบอุบัติเหตุตกขณะบรรทุกผู้โดยสาร 9 นาย แต่ก็ยังไม่ถือว่า "โอเวอร์โหลด" เพราะฮ.รุ่นนี้สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ทั้งหมด 11 คน จึงไม่ถือว่าเป็นการบรรทุกที่เกินกำหนด

4. นักบิน ที่มีการโพสต์ในทำนองว่า นักบินเป็น "นักบินใหม่" ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะนักบินที่ 1 (พ.ท.มานิต สุรเสนา) เป็นนักบินที่มีประสบการณ์มานาน จบมาจากโรงเรียนช่างฝีมือทหาร จึงมีประสบการณ์ทั้งเรื่องเครื่องยนต์ การซ่อมบำรุง และมีประสบการณ์การบินมาเป็นอย่างดี ไม่ใช่นักบินใหม่ไร้ประสบการณ์

5. สภาพเครื่อง แม้ ฮ.รุ่น 212 จะมีอายุการใช้งานมาหลายสิบปี และเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น แต่ทางบริษัทผู้ผลิตก็มีการผลิต "อะไหล่" ขึ้นมาใหม่อยู่ตลอด เนื่องจาก ฮ.รุ่นเบลล์ 212 ยังมีการใช้งานอยู่นับพันๆ เครื่องกระจายไปทั่วโลก

6. การซ่อมบำรุง หากมีการซ่อมบำรุงตามวงรอบ และใช้ "อะไหล่แท้" จากบริษัทผู้ผลิตจะดีที่สุด ยกเว้นจะมีการใช้ "อะไหล่ทดแทน" จากบริษัทผู้ผลิตอื่น ซึ่งไม่ใช่ว่าเป็นอะไหล่เทียม และเป็นอะไหล่ที่รับรองโดยสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ (Federal Aviation Administration) หรือ FAA ซึ่งมีคุณภาพพอทดแทนกันได้ แต่คุณภาพอาจไม่เท่าของบริษัทผู้ผลิต

"ทั้งเครื่องบิน และฮ.ไม่มีวันเก่า หากซ่อมบำรุงตามวงรอบและใช้อะไหล่แท้จากบริษัทผู้ผลิต เพราะทุกชิ้นส่วนของเครื่องบิน แม้กระทั่งน็อตทุกตัวจะมีอายุการใช้งานของมัน ดังนั้น อากาศยานจะใหม่อยู่ตลอดเวลาตราบที่ยังเปลี่ยนอะไหล่ตามวงรอบ ซึ่งเรื่องนี้ทางคณะกรรมการสอบสวนคงต้องไปดูตารางการซ่อมบำรุงว่าเป็นอย่างไร"

ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินในกองทัพเผยว่า ตามปกติแล้วงบการซ่อมบำรุงอากาศยานจะอยู่ที่อัตรา 10% ของราคาเครื่อง จะถือว่าดีที่สุด ซึ่งตนไม่แน่ใจว่า ขณะนี้งบยังอยู่เท่านี้หรือไม่ แต่คิดว่า ทางกองทัพน่าจะใช้งบประมาณที่เหมาะสม ส่วนเรื่องอะไหล่ คงต้องไปดูว่า ใช้ของบริษัทผู้ผลิตหรือไม่ เพราะปกติบริษัทผู้ผลิตต้องใช้ของที่ดีที่สุด เพื่อรักษาคุณภาพ และชื่อเสียงของบริษัทเอาไว้

"ข้อดีของการใช้อะไหล่จากบริษัทผู้ผลิต คือ บริษัทจะมีราคากลางของอะไหล่แต่ละชิ้นเอาไว้ ซึ่งราคาขายทั่วโลกจะเท่ากันหมด จะแตกต่างกันแค่ราคาในการขนส่งเท่านั้น แต่ถ้าเป็นอะไหล่ทดแทนนั้นผมไม่แน่ใจว่า มีราคากลางที่สามารถตรวจสอบได้หรือไม่ และที่สำคัญคือ คุณภาพของอะไหล่จะเทียบเท่าอะไหล่ของแท้ได้แค่ไหน"

ส่วน ฮ.รุ่นเบลล์ 212 ที่ถูกมองว่าเป็น ฮ.เก่า มีอายุการใช้งานยาวนานนั้น เขายืนยันว่า เบลล์ 212 เป็น ฮ.ที่ปลอดภัย และน่าใช้มากที่สุดรุ่นหนึ่ง เพราะทุกระบบของเบลล์ 212 จะมีระบบสำรอง "2 ระบบ" เช่น เครื่องยนต์, ไฮโดรลิกบังคับเลี้ยว เป็นต้น ซึ่งหากระบบใดระบบหนึ่งขัดข้องอีกระบบจะทำงานได้ทันที ตนก็เคยบิน ฮ.รุ่นนี้มา 20 กว่าปีไม่เคยมีปัญหา

...........

เหตุฮ.ทหารตก3ลำก่อนหน้านี้

สำหรับโศกนาฎกรรมในครั้งนี้ ถือว่าเป็นความสูญเสียครั้งร้ายแรงของกองทัพถัดจากโศกนาฏกรรม ฮ.กองทัพบกประสบอุบัติเหตุตก 3 ลำที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เมื่อปี 2554

เหตุการณ์ครั้งนั้นเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 - 24 กรกฎาคม 2554 โดยฮ.รุ่น "ฮิวอี้" ประสบอุบัติเหตุตกขณะปฏิบัติหน้าที่จับกุมผู้บุกรุกป่าไม้บริเวณตะเข็บชายแดนไทย - พม่า มีผู้เสียชีวิต 5 นาย ต่อมา ฮ.รุ่น "แบล็กฮอว์ก" นำโดย พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ผบ.พล.ร. 9 ประสบอุบัติเหตุซ้ำอีกขณะนำฮ.ขึ้นค้นหา ฮ.ลำแรก มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 9 นาย

สุดท้าย ..วันที่ 24 กรกฎาคม 2554 ขณะที่ ฮ.รุ่น "เบลล์ 212" เดินทางไปลำเลียงศพทหารที่เสียชีวิตกลับมาบำเพ็ญกุศลก็ได้เกิดอุบัติเหตุตกลงกลางป่า ส่งผลให้ทหารเสียชีวิตอีก 3 นาย บาดเจ็บ 1 นาย ซึ่งถือเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับ ฮ.รุ่นเบลล์ 212 ครั้งร้ายแรงที่สุด ก่อนจะมาเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเบลล์ 212 อีกครั้งเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2557