'อุดมเดช'ยันหนุนงานรัฐบาล สานปรองดอง

"ประยุทธ์"ส่งมอบตำแหน่งหน้าที่ผบ.ทบ.ให้"อุดมเดช"ด้านผบ.ทบ.คนใหม่ ยันสานต่อนโยบายปรองดอง หนุนงานรัฐบาล
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ. ) ถ.ราชดำเนิน กองทัพบกได้จัดพิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผบ.ทบ.คนที่ 38 ได้ทำการส่งมอบหน้าที่แก่พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผบ.ทบ. ภายหลังจากที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้พล.อ.อุดมเดช ดำรงตำแหน่งผบ.ทบ.ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2557 โดยได้กระทำพิธีสักการะศาลพระชัยมงคลภูมิ จากนั้นถวายพวงมาลัยเพื่อสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่บริเวณด้านหน้าหอประชุมกิตติขจรภายในบก.ทบ. ต่อจากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงนามเอกสารส่งมอบหน้าที่และการบังคับบัญชาให้กับพล.อ.อุดมเดช และมีพิธีส่งมอบธงประจำกองทัพบก พร้อมทั้งพิธีสวนสนามเทิดเกียรติจากกำลังพลสวนสนามจำนวน 3 กองร้อย ประกอบด้วย กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) 1 กองร้อย กองพลทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ (ม.1 รอ.)1 กองร้อย และกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 6 (ปตอ.พัน.6)จำนวน 1 กองร้อย โดยมีพ.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ผบ.ร.1 รอ. เป็นผู้บังคับกองผสม นอกจากนี้กำลังพลของกองทัพบกยังได้ร้องเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทยให้แก่พล.อ.ประยุทธ์ด้วย
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวส่งมอบหน้าที่ตอนหนึ่งว่า การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทหารของชาตินับเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจสูงสุด รวมทั้งเป็นโอกาสสำคัญในชีวิตที่ได้ตอบแทนคุณแผ่นดินและทำหน้าที่ยิ่งใหญ่ในการพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตยของชาติ ค้ำจุนราชบังลังก์ และสร้างสรรค์ความมีสันติสุขให้กับประชาชน ตลอดระยะเวลาการทำงานรับใช้ประเทศชาติ และในขณะที่ดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. ตนมีความมุ่งหวังเสมอเพื่อทำให้กองทัพบกมีความเข้มแข้ง มั่นคง มีเอกภาพ และสามารถยืนหยัดอย่างมีเกียรติยศศักดิ์ศรี เป็นเสาหลักที่พร้อมดูแลความมั่นคงปลอดภัยและแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ ตลอดจนเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกสถานการณ์ สมกับเป็นกองทัพเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชนโดยแท้จริง การดำเนินการภารกิจของกองทัพบกในทุกบทบาทที่ผ่านมาประสพผลสัมฤทธิ์ด้วยความเรียบร้อยตามความมุ่งหมายด้วยการสนับสนุนร่วมมือเป็นอย่างดีมาโดยตลอดของกำลังพลทุกระดับ ขอบคุณทุกคนที่เสียสละกำลังกายกำลังใจทำให้กองทัพและประเทศชาติก้าวสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนตลอดไป
“แม้จะต้องพ้นจากหน้าที่ผบ.ทบ.ไป แต่อุดมการณ์ที่ได้ยึดมั่นมาโดยตลอดจะยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย และมีความตั้งใจที่จะใช้ความรู้และประสบการณ์สนับสนุนการดำเนินงานของกองทัพบกให้บรรลุผลสำเร็จ เพื่ออำนวยประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม และมีความเชื่อมั่นว่าผบ.ทบ.คนใหม่เป็นผู้มีจิตวิญญาณ ความเป็นทหารอย่างเต็มเปี่ยมนั้นจะนำพากองทัพบกพัฒนาไปในทุกๆด้าน และมีขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจ โดยมีผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ตลอดจนปกครองบังคับบัญชากำลังพลให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตใจ สุขุมรอบคอบ มีสติ มีความรักความสามัคคี เสริมสร้างศักยภาพและความทันสมัยให้กองทัพบกสมฐานะที่เป็นกองทัพของชาติ และพร้อมก้าวสู่เป็นกองทัพอาเซียนต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ด้านพล.อ.อุดมเดช กล่าวรับหน้าที่ว่า ขอน้อมหน้าที่สำคัญด้วยความสำนึกและความรับผิดชอบ การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยึดมั่นในอุดมการณ์ของทหารตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผบ.ทบ. ได้สร้างคุณประโยชน์ต่อกองทัพและประเทศชาติ โดยเสียสละทุ่มเทในการทำหน้าที่เพื่อส่วนรวม และจงรักภักดีอย่างมั่นคงในสถานบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ทำให้กองทัพมีความเข้มแข็งและมีศักยภาพ มีการวางรากฐานพัฒนาปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพทุกด้าน
“ผมพร้อมรับต่อภารกิจสถานการณ์และภัยคุกคามทุกรูปแบบที่มีความซับซ้อนกว้างขวางมากขึ้น ตลอดจนเตรียมความพร้อมสู่การเป็นกองทัพที่เข็มแข็งของอาเซียนในอนาคต ขณะเดียวกันผบ.ทบ.ได้กำหนดบทบาทของกองทัพให้สอดคล้องกับสถานการณ์และยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยดำรงจุดยืนในการยืนอยู่เคียงข้างประชาชนทุกโอกาสและเป็นหลักในการเข้าคลี่คลายปัญหาสำคัญที่ส่งผลประทบต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของชาติ รวมทั้งความสงบสุขปลอดภัยของประชาชน ทำให้กองทัพสามารถดำรงไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีจนได้รับความไว้วางใจจากสังคม ดังนั้นการปฏิบัติหน้าที่ผบ.ทบ.ต่อไป ขอตระหนักถึงความรับผิดชอบภาระหน้าที่สำคัญจะอุทิศทั้งกำลังกายและกำลังใจ รวมถึงสติปัญญา ขอให้ทุกคนมุ่งมั่น ซึ่งต่อไปนี้จะตั้งใจดำเนินภารกิจทุกด้านอย่างดีที่สุด ซื่อสัตย์ สุจริต ปกครอง บังคับบัญชายึดหลักความถูกต้องและเป็นธรรม โดยเฉพาะการสานต่อนโยบายทุกด้านให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่มีแต่ความสามัคคีปรองดอง มีสันติสุขและเสริมสร้างความมั่นคง มีเสถียรภาพให้กับชาติบ้านเมืองต่อไป” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธีฯ ระหว่างเดินทางออกจากบก.ทบ. ทางพล.อ.ประยุทธ์ได้เปลี่ยนรถประจำตำแหน่งจากเดิมใช้รถเบนซ์ประจำตำแหน่งผบ.ทบ.สีดำ ทะเบียบศท 1251กทม. เป็นรถเบนซ์สีดำ ญค 1881 กทม. โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดกระจกรถเพื่อโบกมือลาผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยขบวนรถของพล.อ.ประยุทธ์ได้เคลื่อนขบวนออกด้านหน้าบก.ทบ.อย่างช้าๆ
ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับตำแหน่งว่า หน้าที่ของกองทัพบกคือพิทักษ์ รักษาและเทิดทูนสถาบันด้วยชีวิต และจะไม่ยอมให้ใครมาล่วงละเมิด การทำงานหลังจากนี้ตนจะปฏิบัติตามภาระหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งหน้าที่หลักคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและดูแลพื้นที่ของประเทศไทยให้มีแต่ความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาเขตแดนจะต้องรักษาไว้ไม่ให้มีปัญหา โดยอยู่ภายใต้ความระมัดระวังและความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นสิ่งสำคัญ ส่วนการดูแลพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทุกคนมีความเป็นห่วงสถานการณ์นั้น เราต่อสู้และดำเนินการเพื่อให้เกิดความสงบสุขเป็นระยะเวลากว่า 10ปี ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้ให้นโยบายในการทำงานกับตนไว้ว่าจะทำอย่างไรให้พื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความสงบสุขขึ้นมาให้ได้หรืออย่างน้อยสถานการณ์ต่างๆต้องลดลง สามารถควบคุมได้และสร้างความสุขให้กับประชาชนในพื้นที่ได้อย่างชัดเจน ตนตั้งใจว่าจะดำเนินการและพยายามทำให้ดีที่สุดตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายไว้โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับนโยบาย ระดับขับเคลื่อน และระดับการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งกอ.รมน.ภาค 4 สน. ร่วมกับส่วนงานราชการต่างๆ อาทิ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ดูแลพื้นที่ก็จะต้องทำให้ดีที่สุด
“เรามีความพยายามที่เคยใช้คำว่าจะเอาชนะทุกหมู่บ้าน ต่อไปนี้ผมจะให้คนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รู้สึกว่าตัวเขาเองไม่ได้สู้รบกับใคร เราจะสร้างความสงบสุขให้กับหมู่บ้าน เมื่อหมู่บ้านสงบสุข อำเภอและจังหวัดก็จะสงบสุขไปด้วย เราจะใช้วิธีการทำความเข้าใจในการพูดคุยให้ไปสู่ทุกกลุ่ม ผมจะทำในสิ่งนี้เพิ่มเติมขึ้น คู่ขนานกับแนวทาง ซึ่งจะเห็นได้จากปีที่ผ่านมาว่าจะต้องทำในทุกระดับ ผมเชื่อมั่นว่าถ้าทำในลักษณะนี้อย่างไรก็ต้องดีขึ้น ขอฝากผู้ที่เห็นต่างในพื้นที่ให้ร่วมมือกัน ท่านอยากได้อะไร และคิดอย่างไรก็มาพูดคุยกัน และสิ่งต่างๆที่เราจะสนับสนุนในสิ่งที่ถูกที่ควรตามรัฐธรรมนูญ เราจะต้องทำให้ดีเพื่อนำมาซึ่งความพึ่งพอใจและอยู่ร่วมกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
พล.อ.อุดมเดช กล่าวอีกว่า ในส่วนของการดูแลความสงบเรียบร้อยทั่วประเทศโดยเฉพาะในช่วงนี้ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังคงอยู่ต่อไปเพื่อช่วยสนับสนุนรัฐบาล กองทัพบกยังคงเป็นหลักเรื่องการรักษาความสงบ ตนมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการให้เกิดความสงบให้ได้ ผู้ที่มีความคิดไม่เข้าใจหรือผู้เห็นต่าง ในภาพรวมต้องทำความเข้าใจและจะต้องร่วมมือกัน ทางคสช.และรัฐบาลกำลังดำเนินการเรื่องสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ซึ่งทางรัฐบาลทราบดีว่าเป็นยุทธศาสตร์ความสำเร็จในการปรองดองสมานฉันท์ต่อไป เพราะฉะนั้นทางกองทัพจะสนับสนุนส่วนนี้ ส่วนที่บุคคลที่ไม่ได้ถูกคสช.คัดสรรเป็นสปช.นั้นก็สามารถมีส่วนร่วมในการให้แนวคิดตามที่นายกรัฐมนตรีได้ระบุไว้
“ผมขอฝากกับผู้ที่มีแนวความคิดต่างหรือมีความคิดเห็นอย่างไร ขอให้นำเสนอความคิดเห็นมาในช่องทางสปช.ทั้ง11 ด้าน เพราะเราจะรับฟังแนวความคิดเห็นทั้งหมดจากส่วนรวม เพราะฉะนั้นหากมีการประกาศรายชื่อสปช.แล้วจะต้องสนับสนุนกัน อย่าไปทำสิ่งที่นอกเหนือกฎหมาย กองทัพบกจะไม่ยอมให้เกิดความไม่สงบจะต้องมีความสงบเรียบร้อย กองทัพบกเป็นกลไกหลักของรัฐบาล เพราะรัฐบาลปัจจุบันนี้เป็นรัฐบาลรักษาการเพื่อรอการเลือกตั้ง ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้แสดงเจตนารมณ์ว่ามาด้วยความจริงใจ และต้องการทำให้ชาติบ้านเมืองนั้นดีขึ้นจริง อย่างไรก็ตามตนตั้งใจและพยายามนำพากองทัพเช่นเดียวกับอดีตผบ.ทบ.หลายคนที่ได้สะสมคุณงามความดี ทำให้กองทัพบกมีความเข้มแข็ง เจริญและเป็นหลักให้ประชาชนในทุกสถานการณ์ ขอให้มั่นใจว่าตนจะทำสุดความสามารถที่อดีตผบ.ทบ. โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ที่ได้สร้างคุณูปการไว้มากมาย ผมจะสืบสานและทำให้ดี” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
เมื่อถามว่าจะให้ความมั่นใจต่อประชาชนอย่างไรว่าในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. จะดูแลไม่ให้เกิดการปฏิวัติซ้อน เพื่อบ่อนทำลายรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า “ไม่มีหรอกครับ ไม่ว่าจะเป็นใครที่อยู่ในปัจจุบันหรืออนาคต ทางผู้บังคับบัญชาได้ทำความเข้าใจไว้หมดแล้ว และทุกคนก็เดินทางในแนวทางเดียวกัน บางครั้งที่มีการเขียนต่างๆ ก็มีความเข้าใจไปกันเอง หลายครั้งมีการมาสอบถามว่าคิดอย่างไร และทำอย่างไร แต่ปรากฏว่าเป็นความเข้าใจผิดของการถ่ายทอดและขอให้ทุกคนสบายใจ ไม่มีอย่างแน่นอน กองทัพบกจะเป็นฐานสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติสงบ คสช.และรัฐบาลจะดำเนินการเคียงคู่กันไปจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยตามกรอบแนวทางที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายไว้ ผมเชื่อว่าทุกคนอยากให้เกิดความสงบ ถ้าอยากให้ปรับปรุงประเทศชาติก็ใช้ช่องทางสปช.”







