'คมสัน'ซัดกกต.ใช้ความรู้สึกเสนอเลิกวุฒิสภา

"คมสัน"ยกร่างรธน.50 ซัด กกต.ใช้ความรู้สึกเสนอเลิกวุฒิสภา ชี้ไม่แก้ปัญหาระบบการเมือง
นายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ กลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ ในฐานะอดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ50 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมเสนอปรับโครงสร้างระบบนิติบัญญัติ โดยการยกเลิกวุฒิสภา ให้เหลือเพียงสภาผู้แทนราษฎร เพื่อแก้ปัญหาทางการเมือง หรือหากจะให้วุฒิสภาดำรงอยู่ต้องแก้ไขคุณสมบัติและที่มาว่า ถือเป็นข้อเสนอที่ไร้การศึกษาและไม่ได้ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่าข้อเสนอของ กกต. ที่เตรียมเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวหรือไม่ แต่อยากทราบว่าแนวคิดของกกต. นั้นยึดฐานปัญหาจากอะไรถึงกำหนดเป็นข้อเสนอดังกล่าวออกมา อย่างไรก็ตามตนยอมรับว่าในช่วงที่ตนเป็นกรรมาธิการยกร่างฯ ตนเห็นด้วยกับกรณีที่ไม่ให้มีวุฒิสภา ด้วยเหตุผลขณะนั้นคือวุฒิสภาที่มาจากฐานเดียวกันของพรรคการเมือง เป็นเครือญาติของนักการเมือง ทำให้พบความล้มเหลวของการทำหน้าที่ ทั้งที่คุณสมบัติของวุฒิสภาต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญ
“หากกกต. มองปัญหาว่าเพื่อป้องกันความขัดแย้งของการทำหน้าที่ระหว่างส.ว.และระหว่างสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่เข้าใจว่าฐานของระบอบประชาธิปไตยย่อมมีความเห็นที่แตกต่าง เพื่อให้เกิดการตรวจสอบ ปกป้องผลประโยชน์ และป้องกันเผด็จการรัฐสภา หากคิดแบบนั้นผมมองว่า กกต. คิดเลอะเทอะ เช่นเดียวกับการเสนอจำกัดวาระดำรงตำแหน่งของส.ส.เพื่อสะกัดระบบอุปถัมภ์ของนักการเมือง คิดด้วยหรือไม่ว่าแม้อดีต ส.ส.จะไม่ลงเลือกตั้ง เขาสามารถส่งญาติ ส่งคนขับรถลงสมัครแทนได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นระบบอุปถัมภ์จะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น” นายคมสัน กล่าว
อดีตกรรมาธิการยกร่างฯ กล่าวต่อว่า หากข้อเสนอของกกต. ดังกล่าวได้รับการพิจารณาและเข้าสู่กระบวนการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) หรือสภาปฏิรูป(สปร.) จริงตนขอให้พิจารณาถึงแก่นของปัญหาระบบการเมืองที่ผ่านมาด้วยว่าเหตุที่สภาผู้แทนราษฎร หรือ วุฒิสภา มีปัญหาเนื่องจากถูกกลุ่มทุนธุรกิจการเมืองครอบครองรัฐสภาเพียงกลุ่มเดียว โดยตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่น กลุ่มเกษตรกร, กลุ่มผู้ใช้แรงงาน, กลุ่มชาติพันธุ์, กลุ่มวิชาชีพ, กลุ่มนักวิชาการ, กลุ่มอาชีพอิสระ ไม่ได้มีพื้นที่ในรัฐสภาทำให้ขาดสร้างพื้นที่ให้กลุ่มต่างๆ ดังกล่าว ดังนั้นวิธีที่จะแก้ไขปัญหาคือต้องเพิ่มพื้นที่ให้ตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ มีพื้นที่ทำงานเพื่อประโยชน์ของภาคส่วนต่างๆ ในรัฐสภาด้วย
“กรณีที่มาของ ส.ว. ที่ถือเป็นสภาของผู้ทรงคุณวุฒิ จำเป็นที่ต้องทำให้เป็นพื้นที่ของผู้ทรงคุณวุฒิที่แท้จริง โดยมีตัวอย่างจากประเทศมาเลเซียที่ตนเห็นว่าประเทศไทยควรนำมาเป็นข้อมูลพิจารณา คือ ให้จัดทำบัญชีของผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ได้รับการการันตีด้านความรู้ และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม โดยของไทยอาจปรับใช้ด้วยการให้องค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น ราชบัณฑิตยสถาน, สถาบันการศึกษา ทำบัญชีผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการเสนอ จากนั้นให้กกต. จัดทำพื้นที่ของผู้ทรงคุณวุฒิ และให้ประชาชนไปลงคะแนนเลือกให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นส.ว. โดยวิธีการดังกล่าวตนเชื่อว่าจะสะกัดส.ว.ที่เป็นขี้ข้านักการเมืองได้” อดีตกรรมาธิการยกร่างฯ กล่าว







