ไทยพร้อมโอน14นักโทษตามคำร้องขอกัมพูชา

ไทยพร้อมโอน14นักโทษตามคำร้องขอกัมพูชา

ยธ.พร้อมโอนตัว14 นักโทษตามคำร้องขอของกัมพูชา ราชทัณฑ์ประสานสถานทูตตรวจสอบรายชื่อนักโทษ

นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รักษาการปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผย หลังจากรัฐบาลกัมพูชาให้อภัยโทษนายนายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพของประชาชนและเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่นออกจากเรือนจำเปรย์ซอ และขอให้มีการส่งกลับนักโทษชาวกัมพูชาจำนวน 14 รายว่า ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่เรียกว่า“สนธิสัญญาโอนนักโทษ”จะมีลักษณะเป็นข้อตกลงสองฝ่ายที่จัดทำขึ้นโดยอยู่บนพื้นฐานของหลักการถ้อยทีถ้อยอาศัย ( reciprocity) จึงไม่ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนนักโทษ อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ทราบว่าทางสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาได้ประสานรายชื่อนักโทษที่จะต้องการให้ส่งตัวกลับมายังกระทรวงการต่างประเทศของไทยแล้วหรือไม่ หากราชทัณฑ์ได้รับรายชื่อมาแล้วก็สามารถปล่อยตัวกลับประเทศได้ทันที

ด้านนายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ได้ตรวจสอบข่าวที่นำเสนอผ่านหนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ซึ่งระบุว่า กัมพูชาขอโอนตัวนักโทษ 14 รายนั้น เบื้องต้นพบว่า ในจ.สระแก้วมีผู้ต้องขังชาวกัมพูชา จำนวน 13 รายถูกส่งเข้าเรือนจำเพื่อควบคุมตัวระหว่างการสอบสวน โดยทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหาปลอมแปลงเอกสารและคดีความผิดเล็กน้อยอื่น ๆ แต่เนื่องจากขณะนี้พบว่าตัวเลขยังไม่ตรงกันว่าจะเป็น 13 หรือ14 คน จึงสั่งการให้มีการตรวจสอบ โดยให้เจ้าหน้าที่ประสานไปยังสถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย เพื่อตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนว่า มีชาวกัมพูชาถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำของประเทศไทยกี่ราย

" กรมราชทัณฑ์ต้องตรวจสอบรายชื่อว่า จำนวนที่กัมพูชาร้องขอนั้น มี 13 หรือ 14 คน และเป็นนักโทษตรงกับรายชื่อนักโทษทั้ง 13 คนที่จ.สระแก้วหรือไม่ หากต้องการโอนตัวนักโทษ 14 คน จะต้องไปตรวจสอบว่านักโทษรายที่ 14 เป็นใคร ถูกคุมขังอยู่ที่ใด และหากเป็นผู้ต้องขัง 13 คนในจ.สระแก้ว ซึ่งเรือนจำมีข้อมูลอยู่แล้วว่าเป็นผู้ต้องขังระหว่างการสอบสวน คดียังไม่แล้วเสร็จ จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขการโอนตัว แต่สามารถใช้วิธีทางรัฐศาสตร์ คือให้ตำรวจทำความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ปล่อยตัวกลับประเทศได้ทันที " รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าว