ศาลพิพากษายกฟ้อง'พิชิต ชื่นบาน'

ศาลปกครองยกฟ้อง"อดีตทนายความพ.ต.ท.ทักษิณ - สาวเสมียนทนาย"ถอนคำสั่งกก.สภาทนายลบชื่อจากวิชาชีพทนาย
นายอิทธิพร จะระพัฒนากุล ตุลาการศาลปกครองกลาง เจ้าของสำนวน และองค์คณะ มีคำพิพากษายกฟ้อง คดีที่ นายพิชิต ชื่นบาน อดีตทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ อดีต ส.ส.พรรค เพื่อไทย และ น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ เสมียน ยื่นฟ้อง สภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ และ คณะกรรมการสภาทนายความ เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 - 2 เรื่องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสอง มีมติ ยืนตามคำสั่งชี้ขาด ของคณะกรรมการมรรยาททนายความ ที่ให้ลงโทษลบชื่อนายพิชิต และน.ส.ศุภศรี ออกจากทะเบียนทนายความ หลังจากที่นายพิชิต และน.ส.ศุภศรี ถูกศาลฎีกา ลงโทษจำคุกจากการละเมิดอำนาจศาล ที่มีส่วนร่วมในการนำถุงกระดาษบรรจุเงินสด 2 ล้านเพื่อจะมอบให้ นิติกรศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อปี 2551
โดยผู้ฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษา 1.เพิกถอนคำสั่งชี้ขาดของคณะกรรมการสภาทนายความ ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ลงวันที่ 25 ก.ย.52 ที่ยืนตามความสั่งคณะกรรมการมรรยาททนายความให้ลงโทษผู้ฟ้องททั้งสอง ตาม พ.ร.บ.ทนายความ พ.ศ.2528 มาตรา 52(3) ให้ลบชื่อ ออกจากทะเบียนทนายความ และ 2เพิกถอนคำสั่งสภานายกพิเศษ แห่งสภาทนายความ ลงวันที่ 15 มี.ค.2553 ที่ยืนตามคำสั่งชี้ขาดคณะกรรมการสภาทนายความ ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ให้ลบชื่อ ออกจากทะเบียนทนายความ
ทั้งนี้ศาลปกครองกลาง พิเคราะห์ข้อเท็จจริง ประกอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่า ผู้ฟ้องทั้งสองเป็นผู้ที่ถูกศาลฎีกา มีคำสั่งลงโทษให้จำคุก 6 เดือน จากกรณีที่เข้าไปส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเงิน 2 ล้านบาทใส่ถุงกระดาษ ไปมอบให้กับนิติกรและเจ้าหน้าที่ในศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อปี 2551 ซึ่งเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยหน้าที่ จึงถือว่าผู้ฟ้องทั้ง 2 มีพฤติกรรมไม่เรียบร้อยบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ซึ่งแม้พนักงานอัยการจะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง ผู้ฟ้องทั้งสองข้อหาร่วมกันให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดกับเจ้าพนักงาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ฟ้องไม่ได้ประพฤติ ผิดมารยาททนายความ
การที่คณะกรรมการมารยาท ฯ และ คณะกรรมการสภาทนายความ มีคำสั่งลงโทษผู้ฟ้องทั้งสอง และให้ลบชื่อออกจาทะเบียนทนายความ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบด้วยกฎหมาย เหมาะกับพฤติการณ์ในการกระทำผิด ไม่ได้เป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินสัดส่วนแห่งการกระทำความผิด ประกอบกับอำนาจในการวินิจฉัยว่า ผู้ใดกระทำการละเมิดอำนาจศาลโดยเฉพาะ ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดที่ให้อำนาจองค์กรอื่นมาตรวจสอบทบทวนคำวินิจฉัยของศาลฎีกาได้
เมื่อการกระทำของผู้ฟ้องทั้งสองเป็นการกระทำที่อุกอาจท้าทายอำนาจศาล ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ยำเกรงอำนาจศาล จึงเป็นพฤติกรรมที่ผิดมารยาททนายความอย่างร้ายแรง ดังนั้นการที่ผู้ฟ้องอ้างว่าไม่ได้ประพฤติผิดมารยาททนายความ อีกทั้งความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลก็ไม่ใช้ความผิดอาญา และความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.144 ฐานให้สินบน ฯ พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องแล้ว การลงโทษลบชื่อผู้ฟ้องทั้งสอง ออกจากทะเบียนทนายความเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินสัดส่วนนั้น จึงไม่อาจรับฟังได้ พิพากษาให้ยกฟ้อง







