เจาะ! ยุทธการดับฝัน 'ขอนแก่นโมเดล' ป่วนเมือง

เจาะ! ยุทธการสายฟ้าแลบ ดับฝัน 'ขอนแก่นโมเดล' ป่วนเมือง
ปฏิบัติการสายฟ้าแลบของกองกำลังผสมทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน กว่า 50 นาย บุกเข้าจับกลุ่มคนเสื้อแดงที่กำลังประชุมกันอยู่ในอพาร์ตเมนต์หรู ริมบึงหนองโคตร ภายในบ้านกอก ต.บ้านเป็ด อ.เมือง ขอนแก่น เมื่อเย็นวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ในขณะที่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นกลุ่มหนึ่งกำลังถือป้ายประท้วงและไม่พอใจการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. อยู่ที่ศูนย์การค้าใหญ่ใจกลางเมืองขอนแก่น
แต่เหตุการณ์ทั้งสองไม่ได้เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด เพราะเหตุการณ์เคลื่อนไหวของนักศึกษาเป็นกลุ่มที่เคยเคลื่อนไหวและแสดงออกทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังให้ประเทศเดินหน้าไปด้วยประชาธิปไตย
ในขณะที่การเคลื่อนไหวของคนอีกกลุ่มหนึ่ง จำนวน 22 คน มีชาย 21 คน และหญิง 1 คน ในอพาร์ตเมนต์นั้น เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อหวังสร้างความรุนแรงเป็นกลุ่มเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ มีทั้งกองกำลังอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.), แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน และกลุ่มแกนนำกองทัพปราบกบฏ
ปฏิบัติการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว เกิดขึ้นที่บริเวณชั้น 4 ของอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ หลังสายข่าวรายงานว่า มีกลุ่มคนเสื้อแดงเปิดห้องพักเพื่อประชุม และคาดว่าจะต้องมีปฏิบัติการไม่ชอบมาพากลบางอย่าง เพราะเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ทหารได้เฝ้าระวังอย่างเต็มที่อยู่แล้ว เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์เมื่อปี 2553 ที่คนเสื้อแดงถูกปราบปรามจากเวทีราชประสงค์และถอยกลับมาอยู่ในที่ตั้ง ได้ลุกฮือไปเผาสถานที่ราชการและสถานที่สำคัญหลายแห่ง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ของภาคอีสาน อย่าง มุกดาหาร อุบลราชธานี ขอนแก่น และ อุดรธานี และเกรงว่า การที่กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ได้สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงที่ถนนอักษะ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จะทำให้แกนนำกลุ่มนี้กลับมาที่ตั้งและปฏิบัติการซ้ำรอยปี 2553 อีก และการข่าวก็เป็นจริง
ทันทีที่กองกำลังจู่โจมขึ้นไป พบผู้ต้องหาทั้งหมดแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม และแยกห้องประชุมเป็น 2 ห้อง โดยห้องพักหมายเลข 406 มีคนประชุมอยู่ 10 คน ห้องหมายเลข 407 มีคนนั่งอยู่ 9 คน และห้อง 411 มีคนพักอาศัยอยู่ 2 คน แต่การตรวจค้นเบื้องต้นทั้งหมดไม่มีอาวุธสงครามพกติดตัว
จากนั้นเจ้าหน้าที่ขยายผลไปตรวจค้นที่รถของผู้ต้องหาทั้งหมด 10 คัน ที่จอดอยู่ลานจอดรถ โดยรถแต่ละคันนั้นบ่งบอกว่าแต่ละคนไม่ใช่บุคคลธรรมดาทั่วไป แต่ถือว่าเป็นคนที่พอมีอันจะกิน ซึ่งมีทั้งรถเก๋งและรถกระบะ ป้ายทะเบียนทั้งจากกรุงเทพฯ ขอนแก่น นครราชสีมา และชัยภูมิ
การค้นรถของผู้ต้องสงสัยพบอาวุธสงครามหลายรายการ ทั้งกระสุนปืนและวัตถุระเบิด และที่น่าตกใจคือ มีเอกสารเกี่ยวกับอุปกรณ์ระเบิด เอกสารการฝึกของกลุ่ม อพปช. ผ้าพันคอของ อพปช.อีกจำนวนมาก บัตรสมาชิก นปช.และภาพถ่ายของผู้ต้องหาที่เคยถ่ายกับบุคคลสำคัญๆ เอาไว้อีกหลายแผ่น โดยเฉพาะภาพถ่ายกับ เสธ.แดง
จากนั้นผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมของกลาง ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ค่ายสีหราชเดโชไชย ซึ่งอยู่ติดกับสนามบินขอนแก่น เพื่อสอบปากคำ
ผู้ต้องหาคนสำคัญที่ทหารควบคุมตัวเอาไว้ มีชื่อ นายมีชัย ม่วงมนตรี ชาว อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด แกนนำกองทัพปราบกบฏ ที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในพื้นที่อีสานกลาง, จ.ส.ต.ประทิน จันทร์เกศ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีภาพถ่ายสมัยเข้าฝึกเป็นอาสาสมัครตำรวจและมีภาพถ่ายกับบุคคลสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย และยังมี นายเสนอ นันทน์ธนกุล ประธาน อพปช.นครราชสีมา อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญและเคลื่อนไหวในนามของ อพปช.มาตลอด และมีความใกล้ชิดกับ "แรมโบ้อีสาน" หรือ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ประธาน อพปช. ทั้งเคลื่อนไหวรับสมัคร อพปช. และเผาโลงศพประท้วงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อครั้งวินิจฉัยคดีจำนำข้าวเมื่อเร็วๆ นี้นั่นเอง
เช้าวันที่ 24 พฤษภาคม มีข่าวว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง จะเดินทางมาสอบปากคำและตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตนเอง แต่ท้ายที่สุดได้ส่ง พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง รองแม่ทัพภาคที่ 2 รองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 2 และ พล.ต.ศักดา เปรุนาวิน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารราบที่ 3 เป็นผู้มาตรวจสอบเอง และตัดสินใจเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ที่ไปเฝ้ารอเพื่อสัมภาษณ์แม่ทัพภาคที่ 2 เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในพื้นที่ภาคอีสาน
การแถลงข่าวมีการนำของกลางทั้งหมดมาวางไว้บนโต๊ะ ทั้งกระสุน ลูกระเบิด อุปกรณ์สื่อสารต่างๆ และกระเป๋าเงินของผู้ต้องหาทั้งหมด คล้ายๆ กับการแถลงข่าวของตำรวจ จากการตรวจสอบกระเป๋าเงินที่เจ้าหน้าที่ยึดได้ แต่ละใบพบว่ามีราคาค่อนข้างแพง ข้างในกระเป๋ามีบัตรเครดิตหลายใบ และโทรศัพท์ที่ยึดได้แต่ละเครื่องเป็นโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนที่ราคาหลายหมื่นบาทแทบทั้งสิ้น ซึ่งระหว่างแถลงข่าวมีคนโทรเข้าเสียงดังตลอดเวลา
รองแม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ผู้ต้องหาสารภาพจะนำเอาอาวุธทั้งหมดไปก่อเหตุสร้างความวุ่นวายทางการเมือง ตามคำสั่งของแกนนำคนเสื้อแดง เพื่อหวังให้เป็น "ขอนแก่นโมเดล" เหมือนเมื่อครั้งที่มีกองกำลังคนเสื้อแดงบุกไปเผาสถานที่ราชการ เผาธนาคาร และสถานที่สำคัญๆ อีกหลายแห่ง แต่เจ้าหน้าที่รู้ทันและเตรียมเฝ้าระวัง พร้อมหาข่าวอยู่แล้ว จึงปฏิบัติการสายฟ้าแลบในครั้งนี้ พร้อมทั้งเฝ้าระวังพื้นที่ที่คาดว่าจะมีการก่อเหตุอีกหลายจังหวัด
แหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่า โชคดีที่ทหารปฏิบัติการจับแกนนำครั้งนี้ได้สำเร็จ เพราะแต่ละคนที่จับได้นั้นเป็นระดับหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคอีสานมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนปี 2553 โดยเคลื่อนไหวระดมทุนให้แก่คนเสื้อแดงและเคลื่อนไหวเพื่อฝึกอบรมกองกำลังพิเศษอย่าง อพปช.
แต่ที่น่าตกใจไปมากกว่านั้น จากการสอบปากคำแกนนำที่จับตัวได้ในครั้งนี้ พบว่ากำลังเตรียมปฏิบัติการ "บึ้มป่วนเมือง" สร้างสถานการณ์ในจุดสำคัญๆ ของเมือง ในวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคมนี้ แต่ยังไม่ยอมระบุว่าเป็นจุดใด
ทันทีที่ข่าวเผยแพร่ออกไปตามสื่อโซเชียลมีเดีย มีข่าวว่า แกนนำคนเสื้อแดงอีสาน โดยเฉพาะสายบังคับบัญชาของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ได้เก็บตัวเงียบ และต่อมามีข่าวว่านายสุภรณ์เข้ารายงานตัวที่กองทัพภาคที่ 2 พร้อมกับแกนนำคนเสื้อแดงอย่าง นายอนุวัฒน์ ทินราช ประธาน นปช.โคราช และ นายสมโภชน์ ประสาทไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงโคราช ก็ทยอยเดินทางไปรายงานตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ คือ แกนนำและกลุ่มเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ที่จับได้เป็นเพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้น แต่แกนนำที่ยังเคลื่อนไหวอยู่และเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมได้ น่าจะยังมีอีกจำนวนมาก แม้จะมีการประกาศรายชื่อให้คนสำคัญของกลุ่มไปรายงานตัว แต่นั่นเป็นเพียงส่วนของผู้บริหารเท่านั้น บรรดากองกำลังระดับแม่ทัพนายกองยังมีอยู่เต็มพื้นที่
ทางยุทธศาสตร์แล้ว แกนนำเสื้อแดงที่ปรากฏตัวออกสู่ที่แจ้ง ไม่ได้น่ากลัวเท่ากลุ่มแกนนำที่ปฏิบัติการลับในหลายพื้นที่ จึงอยู่ที่ว่า... คสช.จะมีการข่าวแน่นและเข้าควบคุมได้ก่อนการก่อเหตุร้ายแรงได้หรือไม่?







