เบื้องลึก3เหตุผลใช้อัยการศึก

เบื้องลึก3เหตุผลใช้อัยการศึก

เผยเบื้องลึก 3 เหตุผลใช้อัยการศึก เกาะติด 7 พื้นที่เสี่ยง

มีเหตุผลที่เป็นเบื้องหลังสำคัญ 3 ข้อที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ตัดสินใจประกาศใช้กฎอัยการศึก เมื่อก่อนย่ำรุ่งของวันอังคารที่ 20 พ.ค.2557

หนึ่ง คือ การข่าวของกองทัพชี้ชัดว่า สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในอีก 2-3 วันข้างหน้ามีโอกาสสูงที่จะเกิดความวุ่นวาย กองทัพบก (ทบ.) ตรวจพบการเตรียมการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และการลุกฮือของมวลชนในต่างจังหวัด โดยใช้เงื่อนไขการเคลื่อนไหวของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)

สอง กองทัพได้ติดตามความเคลื่อนไหวของ "กองกำลังใต้ดิน" จนสามารถติดตามจับกุมทั้งคนและอาวุธได้จำนวนมาก กรณีล่าสุดคือที่ จ.นครนายก ก่อนหน้านั้นก็ใน กทม.เอง และเขตพื้นที่ปริมณฑล โดยเฉพาะกรณีนครนายกโยงใยจากนักการเมืองท้องถิ่น ถึงแกนนำผู้ชุมนุม และฝ่ายการเมืองระดับชาติอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ จากการจับกุมผู้ก่อเหตุและเตรียมการก่อเหตุได้บางส่วน ผลการสอบปากคำได้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนการก่อเหตุรุนแรงขนาดใหญ่ตรงตามข้อมูลการข่าว

สาม กลไกรัฐที่มีอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้แสดงบทบาทบิดเบือนจากที่ควรจะเป็น เพราะแทนที่จะดูแลความสงบเรียบร้อย กลับกลายเป็นการสร้างเงื่อนไขและเป็นเครื่องมือเพื่อเล่นงานคู่ขัดแย้งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้ ทบ.ตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึก โดยมี "ฟางเส้นสุดท้าย" 2 เส้น ได้แก่

1.ในแง่ความมั่นคง คือ เหตุการณ์คนร้ายยิงเอ็ม 79 และเอ็ม 16 ถล่มผู้ชุมนุม กปปส.เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บเกือบ 20 รายที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อคืนวันที่ 14 ต่อเนื่อง 15 พ.ค. นำมาสู่การออกแถลงการณ์ 7 ข้อของ ผบ.ทบ. เพื่อปรามให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง และเร่งเจรจายุติปัญหา

2.การหารือนอกรอบระหว่างรัฐบาลกับวุฒิสภา เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ล้มเหลว รัฐบาลไม่ยอมลาออก ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายในทางการเมืองที่ประเมินว่าการเมืองไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้แล้ว (การเมืองแก้ด้วยการเมืองไม่เกิดขึ้นจริง)

ทั้งนี้ ก่อนการประกาศกฎอัยการศึก กองทัพได้ติดตามสถานการณ์ เก็บข้อมูล และมอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวของฝ่ายต่างๆ อย่างละเอียด ทั้งยังได้ส่งกำลังตามประกบกองกำลังติดอาวุธกลุ่มหลักที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังเหตุรุนแรงที่กระทำต่อประชาชนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา พร้อมจัดทำ "แผนเผชิญเหตุ" โดยกำหนดเป็น "ซีนาริโอ" ว่าหลังประกาศกฎอัยการศึกอาจต้องเผชิญกับสถานการณ์ใดบ้าง โดยเฉพาะการตอบโต้ท้าทายจากฝ่ายที่ไม่ยอมรับอำนาจทหาร

พื้นที่ที่มีการประเมินว่าน่าจะมีการเคลื่อนไหวท้าทายหรือตอบโต้อำนาจการประกาศกฎอัยการศึก คือ จังหวัดปริมณฑลของกรุงเทพฯ ได้แก่ จ.สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี พุทธมณฑล (นครปฐม) ราชบุรี และพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กับภาคเหนือบางจังหวัด

อย่างไรก็ดี การประเมินสถานการณ์หลังประกาศกฎอัยการศึกไปแล้ว อาจต้องใช้เวลา 2-3 วัน เพราะในวันแรกๆ แต่ละฝ่ายอาจอยู่ในอาการช็อก แต่เชื่อว่าเมื่อตั้งหลักได้ จะมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างแน่นอน อาจเป็นการตอบโต้เชิงสัญลักษณ์ หรืออาจมีการใช้กองกำลังติดอาวุธ

การมอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวตอบโต้กฎอัยการศึก จะพิจารณาจาก 2 ปัจจัย คือ 1.การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ถนนอักษะ ถ้ามีการขนคนมาเติม แสดงว่าแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กำลังอาจเล่นบทโต้กลับ 2.การขับเคลื่อนของชายชุดดำ

ส่วนกำลังพลของ ทบ.ที่ใช้ปฏิบัติการในภารกิจประกาศกฎอัยการศึก ทั้งควบคุมจุดยุทธศาสตร์ ถนนหนทาง จุดสูงข่ม ที่ทำการของสื่อมวลชน โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์นั้น ใช้กำลังจากกองทัพภาคที่ 1 เป็นหลัก ประกอบด้วย กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) กองพลทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (พล.ร.11 รอ.) กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล. ร.2 รอ.) กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) และ พัน ร.มทบ.11 ซึ่งเป็นกองพันรักษาความสงบเรียบร้อยของ ทบ.อยู่แล้ว

กำลังพลของ พล.ร.2 รอ. แทรกซึมเข้ามาอยู่ในพื้นที่เมืองหลวงนานแล้ว ข่าวบางแหล่งระบุว่าเข้ามาตั้งแต่ก่อนปีใหม่ และความพร้อมของ ทบ.ในการประกาศกฎอัยการศึกมีมานานแล้ว และเคยเกือบประกาศเมื่อครั้งที่ตำรวจนำกำลังพลและอาวุธเข้าสลายการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าจนเกิดความสูญเสีย เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2557

สถานการณ์ในมิติความมั่นคงหลังจากนี้ จึงขึ้นอยู่กับบทบาทของฝ่ายทหารว่าจะเป็นธรรม เป็นกลางในการจัดการปัญหาหรือไม่ โดยเฉพาะการจำกัดขอบเขตของภารกิจ "เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายโดยเร็ว" ตามที่ระบุไว้ในประกาศกองทัพบกฉบับที่ 1 เรื่องการประกาศใช้กฎอัยการศึก

เพราะมิฉะนั้นแล้วการตอบโต้และสถานการณ์วุ่นวายย่อมเกิดตามมาอย่างแน่นอน!