ศอ.รส.สั่งดูแลรมต. เร่งคุมตัวแกนนำกปปส.

ศอ.รส.สั่งดูแลรมต. เร่งคุมตัวแกนนำกปปส.

ศอ.รส.สั่งดูแล รมต. และส่ง จนท.เร่งคุมตัวแกนนำกปปส.

รายงานข่าวจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลแจ้งว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. กำชับสั่งการมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล ให้เพิ่มมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยพื้นที่ กทม.ชั้นในเป็นพิเศษ รวมถึงสั่งจับตาเฝ้าระวังสถานที่ราชการสำคัญ บ้านพักบุคคลสำคัญ และคณะรัฐมตรีเป็นพิเศษ เนื่องจากมีรายงานด้านการข่าวว่า อาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อเหตุร้ายสร้างสถานการณ์ช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองเข้มข้นในระยะนี้โดยสั่งการให้ทุกหน่วยที่มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังขั้นสูงสุดรวมถึงดูแลพื้นที่จุดสูงข่มอย่างใกล้ชิด

ขณะที่ กทม.ก็มีคำสั่งออกมาในลักษณะเดียวกันเช่นกันให้ดูแลความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเพื่อลดผลกระทบจากการชุมนุม อาทิ การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร การตรวจสอบความพร้อมของกล้อง CCTV รวมถึงเจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ฉุกเฉินให้เตรียมความพร้อมตลอด 24 ชม. หลังได้รับรายงานสถานการณ์การชุมนุม ซึ่งอาจมีแนวโน้มที่จะมีบุคคลไม่หวังดีสร้างสถานการณ์

ล่าสุดนางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้กำชับให้สำนักงานเขตทุกเขตดูแลสถานที่ราชการ บ้านพักของบุคคลสำคัญ โรงเรียน และเอกสารสำคัญของราชการ เป็นพิเศษ และให้ผู้อำนวยการเขตติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรายงานให้คณะผู้บริหารทราบเป็นระยะ

นอกจากนี้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ยังได้เน้นย้ำตำรวจท้องที่ ให้จัดกำลังดูแลความปลอดภัยบ้านพัก 12 รัฐมนตรีที่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ประกาศไล่ล่าให้ลาออกจากรัฐบาลรักษาการ คือ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนานายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นายจารุพงค์ เรืองสุวรรณ นายชัยเกษม นิติสิริ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นายณัฐวุฒิใสยเกื้อ นางเบญจา หลุยเจริญ นายยรรยง พวงราช นายวราเทพ รัตนากร นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย และ นายจาตุรนต์ ฉายแสง โดย ศอ.รส. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมายให้ บช.น.คุมเข้มดูแลความปลอดภัยในส่วนนี้อย่างเข้มงวด พร้อมเตรียมแผนป้องกันเหตุรุนแรงจากการก่อเหตุและการยิงระเบิดชนิดเอ็ม 79 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดดูแลความปลอดภัยสถานที่ราชการ บ้านพักบุคคลสำคัญ บุคคลที่เป็นเป้าหมายสร้างสถานการณ์เพื่อป้องกันเหตุและหามาตรการป้องกันมิให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นมาอีก โดยกำชับให้ยึดหลักกฎหมาย ขั้นตอนสากล และความชอบธรรม เพื่อไม่ให้เป็นเงื่อนไขในสถานการณ์ ได้กำชับผู้บังคับบัญชาที่ควบคุมกำลังเข้ามาดูแลสวัสดิการและความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มที่พร้อมตั้งด่านความมั่นคง การตรวจร่วมตำรวจทหารป้องกันเหตุรุนแรงแทรกซ้อนใช้กำลังตำรวจทหารรวม 158 กองร้อย 23,700 นายกระจายตามจุดสำคัญต่างๆเต็มพื้นที่รวมถึงป้องกันการเผชิญหน้าม็อบ2ฝ่ายให้ตรวจสอบประเมนสถานการณ์แบบวันต่อวัน

ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.วรพงษ์ ยังได้สั่งการไปยังตำรวจชุดเฉพาะกิจ ให้จับกุม 30 แกนนำ โดยระดมนายตำรวจมือดีจากกองบัญชกาารตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค3, ภาค4 และ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เข้าร่วมเป็นชุดสืบสวนพิเศษศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) เพื่อติดตามจับกุมแกนนำตามหมายจับ 30 คน ซึ่งมีกำลังตำรวจทั้งหมด 9 นายคือ 1.พ.ต.ท.อภิรัตน์ ชาญอสิกุลพิทยา ผบ.ร้อย ตชด 116 ต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่ จ.ตราด 2.พ.ต.ท.จิรายุส วานิชกูล สว.อก.สภ.วังน้อย 3.พ.ต.ต.ปฐวี ก้อนวิมล สว.กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี 4.พ.ต.ต.วรา พงษ์สิริ สว.สส.สน.สมเด็จเจ้าพระยา 5.ร.ต.อ.วิวัฒนชัย คลื่นแก้ว รอง สว.กก.สส. 3 บก.สส.ภ.3 จ.นครราชสีมา 6.ด.ต.ทินกร ปัญญาชัยสิทธิ์ 7.ด.ต.มานะ สุระชนม์ 8.ด.ต.ภมร จันทร์บุญสิทธิ์ ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี 9.ส.ต.อ.มงคล งามบุญช่วย ผบ.หมู่ กก.ตชด.33 ค่ายสมเด็จพระบรมราชชนนี อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

จากการตรวจสอบพบว่า ตำรวจชุดที่ถูกเรียกมาครั้งนี้ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ฐานเสียงพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นหลัก โดยเฉพาะตำรวจ 3 นายที่มาจาก จ.อุดรธานี อยู่ในทีมชุดสืบสวนที่ชื่อชุดคมประจักษ์ ขึ้นตรงกับพล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ซึ่งเป็นตำรวจที่สนิทกับนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร แกนนำเสื้อแดง ขณะเดียวกันในส่วนของตำรวจได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของการจัดเตรียมสถานที่ไว้ควบคุมแกนนำในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.) กก.ตชด.13 จ.กาญจนบุรี และ จ.ราชบุรี และวางแนวทางป้องกันผู้ชุมนุมเดินทางมากดดันหากมีการจับกุมแกนนำ