พท.แถลงซัดข้อเสนอ'อภิสิทธิ์'ออกนอกรธน.

เพื่อไทยแถลงการณ์ ซัดข้อเสนอ"อภิสิทธิ์"ไม่จริงใจ ออกนอกรัฐธรรมนูญ ยันเดินหน้าเลือกตั้ง ตั้งรัฐบาลปฏิรูป1ปี
นายโภคิน พลกุล กรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย พร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทย รวมกันแถลงการณ์เรื่อง “การเลือกตั้งและความยุติธรรมเท่านั้นคือทางออกของประเทศ” โดยนายโภคิน เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ว่า พรรคเพื่อไทยได้มีแถลงการณ์มาอย่างต่อเนื่องว่าทางออกของประเทศจากความรุนแรงและกลียุคที่กำลังจะเกิดขึ้นคือการเลือกตั้ง สำหรับข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2557 ขอให้รัฐบาลเลื่อนการตราพ.ร.ฎ.เลือกตั้งออกไป ขอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เพื่อเปิดทางไปสู่รัฐบาลคนกลาง โดยประธานวุฒิสภาจะเป็นผู้สรรหานายกฯ และคณะรัฐมนตรี รัฐบาลจะมาปฏิรูปก่อนเลือกตั้งโดยใช้เวลา 150-180 วัน ส่วนการเลือกตั้งให้เลื่อนไปสัก 5-6 เดือน และต้องการรอคำตอบของนายกฯยิ่งลักษณ์ เพียงคนเดียวนั้น พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ สับสนและไม่ได้เป็นไปอย่างจริงใจ ขัดหลักประชาธิปไตย และไม่อยู่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายดังที่นายอภิสิทธิ์กล่าวอ้างไว้ ความพยายามให้มีนายกฯ ตามมาตรา 7 หรือนายกฯ คนกลาง ก็มาจากพรรคประชาธิปัตย์ กปปส. และแนวร่วม โดยได้รับความร่วมมือจากองค์กรตามรัฐธรรมนูญ การเสนอให้นายกฯ ลาออกจากตำแหน่งก็ไม่แตกต่างจากที่เคยเสนอในปี 2549 เป็นการสืบทอดแนวคิดทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าขัดรัฐธรรมนูญ เพราะปัจจุบันนี้นายกฯ พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่รัฐธรรมนูญบังคับให้ต้องทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งต้องผ่านการเลือกตั้งเสียก่อน
นายโภคิน กล่าวต่อว่า ส่วนการเสนอให้ประธานวุฒิสภาเป็นผู้สรรหานายกฯ และคณะรัฐมนตรี เป็นข้อเสนอนอกรัฐธรรมนูญโดยแท้ เพราะตามรัฐธรรมนูญ สภาผู้แทนราษฎรเท่านั้นที่มีสิทธิเสนอและเลือกนายกฯ เพราะนายกฯต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และประธานสภาผู้แทนฯ เท่านั้นที่เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ วุฒิสภาไม่มีอำนาจหน้าที่ใดๆ เกี่ยวกับการเสนอและเห็นชอบบุคคลเป็นนายกฯ หากกระทำไปก็จะเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองโดยมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ (มาตรา 68) นอกจากนี้ วุฒิสภาที่ดำรงอยู่ในขณะนี้เป็นวุฒิสภาในระหว่างการยุบสภาผู้แทนฯ จึงมีอำนาจจำกัดมาก ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 132 บัญญัติไว้เท่านั้น สำหรับข้อเสนอให้รัฐบาลคนกลางไปดำเนินกระบวนการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง โดยการทำแผนและทำประชามติ ร่วมกับ กกต. ก็ไม่อาจทำได้ตามรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 165 กำหนดให้ปรึกษากับประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย ดังนั้นต้องเลือกตั้งจนได้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเสียก่อน จึงจะทำประชามติได้ ดังนั้นการให้รอเลือกตั้งไป 150-180 วัน หรือ 5-6 เดือน จึงเป็นไปไม่ได้ ส่วนที่ต้องการรอคำตอบจากนายกฯยิ่งลักษณ์เพียงคนเดียว เท่ากับเป็นการสร้างเงื่อนไข เพื่อเอื้อข้อเสนอของตนและกปปส. ที่ขัดรัฐธรรมนูญและไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะนายกฯยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มีอำนาจตราพระราชกฤษฎีกาแต่เพียงผู้เดียว คงต้องหารือกับ กกต. และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ที่ทำหน้าที่ขณะนี้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ การเสนอเช่นนี้จึงไม่บังควรอย่างยิ่ง ทำนองเดียวกับที่เคยเสนอเรื่องมาตรา 7 ในปี 2549 จนมีพระราชดำรัสไม่ทรงเห็นชอบด้วยมาแล้ว
นายโภคิน กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยได้วิเคราะห์ให้พี่น้องประชาชนได้เห็นและเข้าใจมาอย่างต่อเนื่องว่า มีกระบวนการสมคบคิดกันระหว่างพรรคการเมืองบางพรรค กปปส. และองค์กรตามรัฐธรรมนูญบางองค์กรเพื่อทำรัฐประหารรูปแบบใหม่ด้วยการทำลายระบอบประชาธิปไตย ไม่เอาการเลือกตั้ง ใช้อคติ ไม่มีความยุติธรรม เลือกปฏิบัติเพื่อให้เกิดความขัดแย้ง เพื่อสร้างสุญญากาศไปสู่การมีนายกฯที่มิได้มาจากการเลือกตั้ง จึงต้องจับตาดูว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีนายถวิล เปลี่ยนศรี อย่างรวดเร็วหรือไม่ จะมีคำสั่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประเทศไม่มีรัฐบาล เพื่อปูทางให้วุฒิสภาไปละเมิดรัฐธรรมนูญตั้งนายกฯ คนกลางต่อไปหรือไม่ กองทัพจะออกมาสนับสนุนกระบวนการที่ขัดรัฐธรรมนูญเช่นนี้หรือไม่ กกต.จะทำตามนายอภิสิทธิ์และกปปส. ด้วยการเลื่อนการเลือกตั้งที่ตนเสนอเองออกไป จนไม่มีการเลือกตั้งหรือไม่ พรรคเพื่อไทยขอย้ำว่าจะต้องเดินหน้าเลือกตั้งต่อไปในวันที่ 20 ก.ค.2557 โดยทุกพรรคนำเสนอแนวทางปฏิรูปประเทศไทยของตนต่อประชาชน หลังเลือกตั้งทุกฝ่ายต้องร่วมกันผลักดันให้มีกฎหมายรับรององค์กรปฏิรูปฯ เมื่อแผนและแนวทางปฏิรูปแล้วเสร็จ ให้นำไปทำประชามติ รัฐบาลที่ตั้งขึ้นภายหลังการเลือกตั้งจะอยู่ไม่เกิน 12 เดือนเพื่อสนับสนุนกระบวนการปฏิรูปฯ จากนั้นจะมีการยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่หลังจากมีแผนและแนวทางปฏิรูปฯ แล้ว







