ทอ.แจงปมเรดาร์ไทยตรวจจับ'อากาศยานปริศนา'

พล.อ.ท.มณฑล สัชฌุกร โฆษก ทอ. แจงกรณีเครื่องบินลำที่สูญหายปริศนาอาจบินผ่าน น่าจะไม่ใกล้ไม่ไกลจากน่านฟ้าของไทย
พลันที่รัฐบาลมาเลเซียตั้งสมมติฐานใหม่ว่าเครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่เอ็มเอช 370 ซึ่งสูญหายไปอย่างลึกลับขณะทำการบินจากท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปยังมหานครปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเช้ามืดของวันเสาร์ที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา อาจไม่ได้ประสบเหตุตก แต่อาจบินต่อไปอีกหลายชั่วโมง โดยมีการปิดสัญญาณสื่อสารด้วยมือจากคนบนเครื่องนั้น
"ไทย" ได้กลายเป็นประเทศที่ถูกจับจ้องอีกครั้ง เพราะเส้นทางที่เชื่อกันว่าเครื่องบินลำที่สูญหายปริศนาอาจบินผ่าน น่าจะไม่ใกล้ไม่ไกลจากน่านฟ้าของไทย
ล่าสุดแม้กองทัพอากาศไทย (ทอ.) จะได้ส่งข้อมูลเรดาร์ไปให้มาเลเซียหลังจากได้รับการร้องขอแล้ว แต่ดูเหมือนยังคงมีข้อสงสัยจากหลายๆ ฝ่าย โดยเฉพาะการที่ไทยเพิ่งยืนยันข้อมูลการตรวจพบอากาศยานที่คาดว่าเป็นเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ทั้งๆ ที่เครื่องบินสูญหายไปนานถึง 10 วัน
พล.อ.ท.มณฑล สัชฌุกร โฆษก ทอ. แจกแจงรายละเอียดพร้อมคลี่คลายข้อสงสัยทั้งหมดอีกครั้งกับ "กรุงเทพธุรกิจ"ว่าวันเสาร์ที่ 15 มี.ค. นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงข่าวพร้อมเปิดเผยข้อสันนิษฐานใหม่ว่า เครื่องบินไม่น่าจะตกในทะเลในเขตน่านน้ำของเวียดนาม แต่อาจหมุนตัวกลับในทิศทางตรงกันข้าม สันนิษฐานว่าอาจบินต่อไปทางตอนเหนือของประเทศไทย หรือตอนใต้ของช่องแคบมะละกา จึงขอความร่วมมือไปยังประเทศต่างๆ ให้ช่วยค้นหาและตรวจสอบข้อมูลเรดาร์ของแต่ละประเทศด้วย
คำแถลงดังกล่าวถือเป็นประเด็นที่สวนทางกับสมมติฐานเดิมที่เข้าใจกันว่าเครื่องบินน่าจะตกในทะเล แต่ข้อสันนิษฐานใหม่นี้คือเครื่องบินไม่ได้ตก ซ้ำยังบินต่อไปยังทิศทางที่คาดหมาย 2 ทิศทางดังกล่าว
จากนั้นวันจันทร์ที่ 17 มี.ค. กองทัพอากาศมาเลเซียได้ประสานมายัง ทอ.ไทย ว่ามีข้อมูลเรดาร์เกี่ยวกับอากาศยานที่คาดว่าจะเป็นเที่ยวบินที่เอ็มเอช 370 บ้างหรือไม่ ซึ่งทาง ทอ.ไทยก็ได้เร่งตรวจสอบย้อนหลังให้ทันที โดยตรวจสอบอย่างละเอียด และพบข้อมูลที่สอดคล้องกับสมมติฐานที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้แถลงไว้
กล่าวคือ ในวันที่ 8 มี.ค. หลังจากสัญญาณเรดาร์ของเอ็มเอช 370 หายไป (หลังจากเทคออฟจากท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ราวชั่วโมงเศษ) อีกไม่นานก็พบสัญญาณของอากาศยานในจอเรดาร์ของ ทอ. โดยอากาศยานดังกล่าวได้ทำการบินอยู่ในอากาศ แต่ไม่มีความชัดเจน สัญญาณที่จับได้เป็นลักษณะ "มาแล้วหาย" เป็นช่วงๆ และไม่มีข้อมูลอื่นๆ ประกอบเป็นรายละเอียดของสัญญาณที่จับได้
ทั้งนี้ โดยปกติเวลาเรดาร์พบสัญญาณของอากาศยานหรือเครื่องบิน จะมีข้อมูลรายละเอียดของอากาศยานนั้นๆ ปรากฏขึ้นมาด้วย เช่น ข้อมูลเส้นทางบิน ความสูง ความเร็ว เป็นต้น เป็นข้อมูลที่จะปรากฏพร้อมๆ กับข้อมูลอากาศยานที่เคลื่อนไหวอยู่บนจอเรดาร์ แต่สำหรับอากาศยานที่พบ กลับไม่มีข้อมูลดังกล่าว พบเพียงสัญญาณที่ชี้ว่าอากาศยานนั้นกำลังเคลื่อนที่ในอากาศ ในทางตะวันตกเฉียงใต้ของไทย เฉียดทางตอนเหนือของมาเลเซีย และค่อยๆ เคลื่อนไปทางช่องแคบมะละกา และทะเลอันดามัน ทิศทางเฉียงไปทางเหนือ โดยสัญญาณที่ ทอ.ไทยจับได้หมดลงแถวๆ บัตเตอร์เวิร์ธ ซึ่งเป็นเมืองท่า ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมาเลเซีย
"ต้องทำความเข้าใจด้วยว่า สัญญาณที่เราตรวจพบ เราไม่ได้ยืนยันว่าเป็นเครื่องบินเอ็มเอช 370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ส เพียงแต่มีความสอดคล้องกับสมมติฐานของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งอาจนำข้อมูลของเราไปใช้ตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ได้ เราจึงให้ความร่วมมือและส่งข้อมูลให้ ซึ่งทางมาเลเซียคงต้องนำข้อมูลไปตรวจสอบเปรียบเทียบกับเรดาร์ของวิทยุการบินและเรดาร์ของมาเลเซียเองด้วย" โฆษก ทอ.กล่าว
ส่วนสาเหตุที่ ทอ.ไทยไม่ได้นำข้อมูลนี้มาเปิดเผยตั้งแต่มีข่าวเครื่องบินหายไปอย่างเป็นปริศนา จนมีสื่อต่างประเทศหลายสำนักนำไปตั้งข้อสังเกตนั้น พล.อ.ท.มณฑล กล่าวว่า การบินของเอ็มเอช 370 เที่ยวไป (ขึ้นจากท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์) จนกระทั่งสัญญาณหายไปจากจอเรดาร์ และการบินของอากาศยานที่คาดว่าจะเป็นเอ็มเอช 370 เที่ยวที่วกกลับมา ไม่ได้บินผ่านพื้นที่ควบคุมการบินของไทย แต่เข้ามาในรัศมีเรดาร์ของไทย และไม่มีลักษณะเป็นภัยคุกคาม
"เมื่อไม่ได้ผ่านพื้นที่ควบคุมการบินของไทย พูดง่ายๆ คือไม่ได้ผ่านเข้ามาในน่านฟ้าไทย และไม่มีลักษณะเป็นภัยคุกคาม เราจึงมอนิเตอร์แบบผ่านๆ เพราะต้องเข้าใจว่ามีอากาศยานจำนวนมากที่ผ่านเข้ามาในจอเรดาร์แต่ละวัน เราจึงจ้องจับการเคลื่อนที่ที่เป็นภัยคุกคาม หรือบินเข้ามาในพื้นที่ควบคุมการบินของเราเท่านั้น เหมือนคนเดินผ่านสนามกีฬาที่กำลังแข่งกีฬากันอยู่ ถ้าเดินเฉยๆ ไม่มีพิรุธ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่อยู่ในสายตาตลอด"
"อากาศยานลำนี้ก็เช่นกัน แม้จะผิดสังเกต แต่ไม่ได้มีพิรุธ ไม่มีลักษณะเป็นภัยคุกคาม ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ควบคุมการบินของไทย อีกทั้งสัญญาณก็ไม่มีความชัดเจนด้วย คือขาดหายไปเป็นห้วงๆ มีลักษณะบินอ้อม ไม่รู้ทิศทางว่าจะไปทางไหน แต่ไม่มีสัญญาณว่าจะเข้าใกล้เขตไทยเลย เรื่องนี้ต้องมองในมุมของไทยด้วย และที่สำคัญเราไม่ได้หมายความว่าการมีอากาศยานปรากฏบนจอเรดาร์ของไทย จะต้องบินอยู่ในเขตควบคุมการบินของไทยเท่านั้น ประเทศอื่นๆ ก็เช่นกัน"
ต่อข้อถามถึงการให้ความมั่นใจในศักยภาพของเรดาร์ไทย เพราะมีบางฝ่ายโจมตีว่าเครื่องบินปริศนาอาจบินผ่านน่านฟ้าไทย แต่เรดาร์ไทยจับไม่ได้ ประเด็นนี้ โฆษก ทอ.กล่าวว่า เรดาร์ของ ทอ.เป็นเรดาร์ตรวจจับเป้าหมายที่มีแนวโน้มเป็นภัยคุกคาม ถ้าเป็นเป้าหมายลักษณะนั้นเราตรวจจับได้แน่ และดำเนินกรรมวิธีป้องกันทางอากาศตามขั้นตอนทันที เช่น แจ้งเตือน สกัดกั้นโดยเครื่องบินรบ เป็นต้น เราทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เรามีขีดความสามารถในการตรวจสอบอากาศยานที่เป็นภัยคุกคามได้แน่นอน
"ที่มีการตั้งสมมติฐานว่าบินผ่านเข้ามาแล้วเราจับไม่ได้ ต้องถามกลับว่าเข้ามาจริงหรือเปล่า เพราะถ้ามา เราตรวจจับได้แน่ ส่วนที่อ้างสมมติฐานว่าบินผ่านทางเหนือของไทยนั้น ต้องไปดูให้ดีว่าหมายถึงทางตอนเหนือของประเทศไทย ซึ่งอยู่นอกเขตไทย หรือบินผ่านภาคเหนือของประเทศไทย ถ้าเป็นแบบแรก คือ บินผ่านทางตอนเหนือของประเทศไทย ก็อาจอยู่นอกเขตเรดาร์ของเรา และไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่ถ้าบินผ่านภาคเหนือของไทย เรดาร์ของ ทอ.ตรวจจับได้แน่นอน"




