โยงแก๊งต่างชาติลักลอบค้าพาสปอร์ตในไทย

เปิดเส้นทางลักลอบค้าพาสปอร์ตโยง10แก๊งต่างชาติในไทย
ในขณะที่คนทั้งโลกกำลังเฝ้าติดตามปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ซึ่งสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ผ่านมาเป็นวันที่ 4 แล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ หลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจติดตามการสืบสวนคลี่คลายเงื่อนปมของผู้โดยสารอย่างน้อย 2 คนบนเที่ยวบินดังกล่าวที่ใช้หนังสือเดินทางของบุคคลอื่นผ่านขึ้นเครื่อง โดยเป็นหนังสือเดินทางของคนสัญชาติอิตาลี และออสเตรีย
หนังสือเดินทางของคนทั้งสองที่ถูกอ้างชื่อนั้น ถูกโจรกรรมไปขณะท่องเที่ยวอยู่ใน จ.ภูเก็ต ต่อมาพบว่าหนังสือเดินทางของทั้งสองถูกนำไปใช้จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ผ่านนายหน้าซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี
แต่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองยืนยันว่า หนังสือเดินทางทั้งสองเล่มนี้ไม่ได้ถูกถือเดินทางออกนอกประเทศอย่างแน่นอน เพราะเจ้าของได้แจ้งหายเอาไว้ หากมีการใช้ผ่านแดน จะตรวจสอบพบทันที จึงเกิดข้อสงสัยตามมาว่า หนังสือเดินทางทั้งสองเล่มนี้ไปอยู่ในมือของผู้โดยสารต้องสงสัย 2 คนที่ประเทศมาเลเซีย แล้วถือเดินไปขึ้นเครื่องได้อย่างไร
หากนำข้อมูลข่าวที่มีการนำเสนอ ประกอบกับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์ สามารถแบ่งเส้นทางการลักลอบนำหนังสือเดินทางไปใช้ขึ้นเครื่องบินลำนี้ได้เป็น 3 ช่วง กล่าวคือ
ช่วงแรก การได้เล่มหนังสือเดินทางของชาวต่างชาติ แหล่งข่าวซึ่งเป็นนายตำรวจยศพันตำรวจเอกที่เคยคลุกคลีอยู่กับงานสืบสวนตรวจคนเข้าเมือง ให้ข้อมูลว่า หากหนังสือเดินทางไม่ได้ถูกขโมยไป ก็อาจเป็นไปได้ว่าเจ้าของหนังสือเดินทางนำไปขายให้กับเครือข่ายแก๊งปลอมหนังสือเดินทางเสียเอง
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหนึ่งความเป็นไปได้ คือ บรรดาผู้ประกอบการให้เช่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่ยึดหนังสือเดินทางของชาวต่างชาติที่มาเช่ารถไว้ แต่เกิดการสูญหายระหว่างที่บริษัทรถเช่าเหล่านี้เก็บรักษา
ช่วงที่สอง เมื่อหนังสือเดินทางที่ถูกขโมยตกไปอยู่ในมือขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติในไทยแล้ว ก็จะนำไปทำปลอม โดยเปลี่ยนรูปภาพหรือข้อมูลส่วนบุคคล หรือไม่ก็นำไปให้บุคคลที่ใบหน้าใกล้เคียงมากที่สุดเป็นผู้ถือไปใช้ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงหน้าแผ่นตรวจลงตรา (วีซ่า) รอยตราเข้า-ออกประเทศต่างๆ ปลอม เพื่อให้ผู้ถือหนังสือเดินทางปลอมเหล่านี้มีประวัติการเดินทางที่น่าเชื่อถือมากขึ้นเมื่อผ่านจุดตรวจ
ช่วงที่สาม การนำหนังสือเดินทางไปใช้จากในประเทศหรือลักลอบส่งออกไปให้ลูกค้าในต่างประเทศ โดยกรณีเครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์นั้น มีการนำหนังสือเดินทางไปใช้ทั้งในประเทศ คือ การนำไปแสดงกับบริษัทเอกชนเพื่อสั่งซื้อตั๋วโดยสาร และใช้ในต่างประเทศ คือมีผู้ต้องสงสัยอย่างน้อย 2 คนเป็นผู้ถือหนังสือเดินทางเล่มดังกล่าวไปใช้เอง
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการที่หนังสือเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวอิตาลีและออสเตรียซึ่งตำรวจตรวจคนเข้าเมืองยืนกรานว่าไม่มีบุคคลถือแสดงเพื่อออกนอกประเทศนั้น ไปตกอยู่ในมือผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนที่อยู่ประเทศมาเลเซียได้อย่างไร
เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวอาจวิเคราะห์ได้เป็น 2 แนวทาง คือ แนวทางแรก อาศัยคนลักลอบนำออกนอกประเทศโดยไม่ผ่านช่องทางตรวจคนเข้าเมือง แต่เป็นการผ่านทางจุดผ่อนปรนหรือช่องทางธรรมชาติเพื่อส่งต่อไปยังปลายทาง
หรืออีกแนวทางหนึ่งซึ่งมีความเป็นไปได้อย่างมาก คือ การลักลอบส่งออกทางไปรษณีย์ ซึ่งสอดรับกับกรณีการจับกุมแก๊งปลอมหนังสือเดินทางชาวปากีสถานที่พัวพันกลุ่มก่อการร้าย โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำการจับกุมและสอบสวนพบว่ามีการลักลอบส่งหนังสือเดินทางของนักท่องเที่ยวแถบยุโรปที่ถูกขโมยเข้ามายังประเทศไทย
เมื่อลักลอบนำเข้ามาทางช่องทางนี้ได้ ก็สามารถลักลอบส่งออกไปได้เช่นกัน เนื่องเพราะระบบการลงทะเบียนเพื่อระบุตัวบุคคลทั้งที่เป็นผู้ส่งและผู้รับของไทยนั้นยังไม่เข้มงวดเท่าที่ควร
ข้อมูลจากการสืบสวนและการข่าวของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ยังพบว่ามีแก๊งอาชญากรข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับการปลอมหนังสือเดินทางทั้งโดยตรงและโดยอ้อมทั้งหมด 10 แก๊ง ได้แก่
1.แก๊งยากูซ่า มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ยาเสพติด เปิดบ่อนการพนัน เรียกค่าคุ้มครอง พบในกรุงเทพฯ พัทยา สมุย ภูเก็ต และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
2.แก๊งมาเฟียยุโรป มีแหล่งอาศัยในเมืองท่องเที่ยว เช่น พัทยา ภูเก็ต สมุย กลุ่มนี้เป็นนักลงทุน มีทุนสูง สามารถลงทุนโดยเปิดบริษัทบังหน้า แต่มีพฤติการณ์เรียกค่าคุ้มครอง ฟอกเงิน ค้ายาเสพติด และค้ามนุษย์
3.แก๊งเงินดำ มีแหล่งซ่องสุมอยู่ย่านถนนสุขุมวิท ซอยนานา ซอยอ่อนนุช และสำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ โดยหลอกเหยื่อด้วยกระดาษสีดำขนาดเท่าธนบัตรสหรัฐที่อ้างว่ามีน้ำยาเคมีที่สามารถเปลี่ยนกระดาษดำให้เป็นธนบัตรจริงได้ แต่น้ำยาตัวนี้ต้องให้เหยื่อเสียเงินซื้อ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีทั้งคนไทยและต่างชาติหลงเชื่อมาแล้วเป็นจำนวนมาก
4.แก๊งปลอมหนังสือเดินทาง มีแหล่งมั่วสุมอยู่ย่านถนนสุขุมวิท ซอยนานา และถนนข้าวสาร แก๊งนี้จะไม่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม แต่จะมีร้านอาหารฮาลาลเป็นที่นัดพบเพื่อพบปะพูดคุย แก๊งนี้จะทำทุกอย่าง เช่น หนังสือเดินทางปลอมประเทศต่างๆ
5.แก๊งลูกหมู แก๊งนี้จะรวบรวมคนจีนที่หลบหนีมาพักอาศัยชั่วคราวในเมืองไทยเพื่อรอขบวนการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง เช่น ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย เพื่อสามารถไปยังประเทศอเมริกาและแถบยุโรป แหล่งที่พักอยู่ในย่านถนนรัชดาภิเษก และห้วยขวาง
6.แก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ มีแหล่งมั่วสุมในกรุงเทพฯ และตามเมืองใหญ่ต่างๆ เช่น พัทยา ภูเก็ต และเชียงใหม่ มีพฤติการณ์ใช้การโทรศัพท์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ เช่น สรรพากร ปปง. หรือเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อหลอกเหยื่อให้ไปทำการโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม
7.แก๊งแขกขาว มีพฤติการณ์พัวพันธุรกิจผิดกฎหมายหลายประเภท เช่น ปลอมแปลงหนังสือเดินทาง และยาเสพติด โดยเฉพาะกลุ่มอิหร่าน จะแทรกซึมเข้าไปในอาคารที่มีนักท่องเที่ยวเช่น บาร์เบียร์ ผับในพัทยา เป็นต้น ทั้งนี้ยังรวมถึงแก๊งที่ลักลอบนำชาวตะวันออกกลางเข้าประเทศที่สาม ซึ่งเรียกว่า "แก๊งลูกแพะ" ด้วย
8.แก๊งลูกแมว แก๊งนี้จะอาศัยหน้าตาคล้ายคนไทยตระเวนลักทรัพย์หรือล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีคนพลุกพล่าน
9.แก๊งค้าอาวุธข้ามชาติ มีแหล่งใหญ่อยู่ในพัทยา จ.ชลบุรี มีพฤติการณ์ฉ้อโกงภาษี การลักลอบค้าอาวุธสงคราม การเรียกค่าคุ้มครอง การค้าประเวณี และการปลอมบัตรเครดิต
10.แก๊งมิจฉาชีพที่แฝงมาในกลุ่มแรงงานสามสัญชาติ มีพฤติการณ์กระทำผิด เช่น การหลบหนีเข้าเมือง ขอทานตามสะพานลอยข้ามถนนหรือแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ การลักทรัพย์ ลักลอบตัดไม้ ลักรถจักรยานยนต์ เป็นต้น
ที่สำคัญการปลอมหนังสือเดินทางเป็นหนึ่งใน 4 รูปแบบ (โอนเงินนอกระบบ ลักลอบเดินทางข้ามประเทศ และจัดหาอาวุธ) ที่กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติใช้สนับสนุนการก่อการร้าย
ทั้งกลุ่มแก๊งอาชญากรข้ามชาติและช่องโหว่ของระบบอีกมากมายที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้ คงสะท้อนความร้ายแรงของปัญหาการปลอมหนังสือเดินทางที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไขอย่างเร่งด่วนเสียที




