ตำรวจศาล-คุ้มกันภัยคุกคาม'ตุลาการ'

ตำรวจศาล-คุ้มกันภัยคุกคาม'ตุลาการ'

เมื่อเกิดเหตุ"มือมืด"ไม่ทราบฝ่ายสร้างสถานการณ์ ยิงระเบิด M 79 และปาระเบิด M 61 ใส่พื้นที่ศาลอาญาและศาลแพ่ง ถึง 3 ครั้ง

เมื่อเกิดเหตุ"มือมืด"ไม่ทราบฝ่ายสร้างสถานการณ์ ยิงระเบิด M 79 และปาระเบิด M 61 ใส่พื้นที่ศาลอาญาและศาลแพ่ง ถึง 3 ครั้ง เพียงไม่กี่สัปดาห์ในรอบเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งที่รัฐบาลรักษาการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่ได้ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองยังไม่เลิกรา และเมื่อย้อนดูประวัติศาสตร์ตุลาการไทยผ่านมากว่า 130 ปี ไม่เคยเกิดเหตุที่จะเป็นการข่มขู่คุกคามตุลาการ

เมื่อครบรอบการก่อตั้งศาลปกครอง 13 ปี หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด จึงได้แสดงความห่วงใย พร้อมเสนอไอเดียให้ ศาลยุติธรรม ,ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ ร่วมกันผลักดันการจัดตั้ง “ ตำรวจศาล หรือ " COURT MARSHAL” หน่วยรักษาความปลอดภัยให้กับตุลาการ

เรื่องนี้ศาลยุติธรรมก็เคยมีแนวคิดมาแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการวางโครงสร้างเพื่อเสนอการตั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยตุลาการเพื่อดำเนินการให้เป็นรูปธรรมได้

ขณะที่แนวคิดการจัดตั้ง “ ตำรวจศาล” ของศาลยุติธรรมในอดีต กับโมเดลที่ประธานศาลปกครองสูงสุด ต้องการผลักดันนั้น พยายามจะยึดโยงรูปแบบ U.S.MARSHSL ของประเทศสหรัฐอเมริกา คือการจัดตั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยตุลาการขึ้นมาเฉพาะ ไม่ใช่การจัดจ้าง รปภ.เอกชน ชายชุดสูทสีดำ สวมแว่นดำ มาเป็นการ์ดเหมือนแวดวงคนดัง หรือผู้มีอิทธิพล

ซึ่งภาพ “ ตำรวจศาล ” ที่มองเห็นได้อย่างกว้าง ๆ คือ 1.การจัดบุคลากร ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการอารักขา ดูแลความปลอดภัย ที่จะหนีไม่พ้นผู้ที่มีประสบการณ์ในสายวิชาชีพ สายตำรวจ ทหาร หน่วยงานความมั่นคง หรือผู้ที่มีทักษะการป้องกันตัว การต่อสู้เพื่อจะไม่ให้ภัยคุกคามมาถึงตัวตุลาการ

2.การอนุญาตให้ผู้ที่เข้ามาเป็นตำรวจศาลนั้น สามารถที่จะพกพาอาวุธปืน ป้องกันตัวในการปฏิบัติหน้าที่อารักขาได้

3.การให้อำนาจตำรวจศาลที่จะจับกุม ควบคุมตัว เมื่อพบผู้ที่จะมาคุกคามตุลาการได้ เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ตามกฎหมายสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม

4.การคัดเลือกบุคคล ที่จะเข้ามาเป็นตำรวจศาล ต้องมีการคัดกรองตรวจสอบคุณสมบัติที่เหมาะสม

5.การจัดเครื่องแบบ (ยูนิฟอร์ม ) - สัญลักษณ์ (โลโก้ ) ความเป็นตำรวจศาล ให้เห็นชัดเจน เพื่อบุคคลทั่วไปรับทราบ เข้าใจอำนาจหน้าที่ได้ถูกต้อง ซึ่งจะไม่ซ้ำซ้อนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายปกติ

สำหรับ"ตำรวจศาล" ( COURT MARSHAL )ของประเทศสหรัฐอเมริกา จะมีอำนาจหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยของผู้พิพากษา, เจ้าหน้าที่ศาล, ห้องพิจารณาคดี, ห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ศาล,อาคารศาลและบริเวณศาล , มีอำนาจในการจับกุมผู้ก่อเหตุและมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ไม่ปกติหรือฉุกเฉินภายในบริเวณศาล, มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยนักโทษเวลาเอาตัวมาจากห้องคุมขังมายังห้องพิจารณาคดี และประจำอยู่ที่จุดตรวจทางเข้า-ออกอาคารศาล,ตรวจกล้องถ่ายภาพเพื่อความปลอดภัยของศาลและผู้ที่เดินทางมาศาล

สำหรับประเทศไทย ภาพ "ตำรวจศาล "ดังกล่าว ยังต้องพิจารณาองค์ประกอบและรายละเอียดทั้งงบประมาณ และหน่วยงานดูแลรับผิดชอบตำรวจศาล ว่าการจัดตั้งหน่วยงานเหล่านี้ ศาลจะสามารถตั้งขึ้นมาเองโดยแบ่งงบประมาณศาลที่เสนอผ่านฝ่ายบริหารหรือต้องเสนอที่ให้มีระเบียบกฎหมายรองรับและฝ่ายบริหารจัดสรรงบประมาณเป็นการเฉพาะ

แถมการจัดหาบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ตำรวจศาล ถ้าจะเป็นเพียงการดึงกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการมาเป็นตำรวจศาลแล้ว หน่วยราชการนั้นจะยินยอมหรือโต้แย้งหรือไม่ เพราะในปัจจุบันศาลยุติธรรม แม้จะยังไม่มี U.S.MARSHAL แต่ก็มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบจำนวนหนึ่ง มาประจำการดูแลความปลอดภัยศาล ร่วมกับเจ้าหน้าที่ รปภ.ของศาลเอง ซึ่งตำรวจนั้นมีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายในบริเวณศาลได้ตามปกติเมื่อเกิดความผิดซึ่งหน้า

แต่เมื่อประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวในงานครบรอบ 13 ปีศาลปกครองว่า “ ถึงเวลาแล้วองค์กรตุลาการและศาลยุติธรรม ควรมีหน่วยงานภายในขึ้นมาคุ้มครองดูแล ผู้พิพากษา ตุลาการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของศาล ให้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัยและตรงไปตรงมา เหมือนศาลยุติธรรมในต่างประเทศ เหตุการณ์ที่ศาลยุติธรรมถูกระเบิด หรือการติดตามไปยังบ้านของตุลาการศาล เรื่องแบบนี้ในต่างประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องไม่ให้เกิดขึ้น ศาลจะต้องเป็นผู้แต่งตั้งตำรวจศาลขึ้นเอง เมื่อหลายปีก่อนผมเคยถูกขู่ฆ่า และไม่อาจรู้ได้เลยว่าใครมีเจตนาแบบนั้น ดังนั้นการจัดตั้งต้องขึ้นกับองค์กรศาล ที่ผ่านมาไม่เคยมีหน่วยงานปกป้องตุลาการเลย พอเกิดเรื่องทีก็ส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลที ซึ่งอาจยังไม่เพียงพอที่จะไว้วางใจได้”

ซึ่งนายหัสวุฒิ ประธานศาลปกครองสูงสุด มีความมุ่งหมายว่า อยากใช้โอกาสที่จะได้พบประธานศาลฎีกากลางเดือนนี้ พยายามเสนอแนวคิดส่วนตัวครั้งนี้ เพื่อให้ศาลยุติธรรมผลักดัน การตั้ง “ ตำรวจศาล” ขึ้นมาให้เป็นรูปธรรมอีกครั้ง แม้ยังไม่อาจดำเนินการได้ในเร็ววัน แต่ก็อยากให้เกิดขึ้นในอนาคต

"หากตุลาการหรือผู้พิพากษาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัย การตัดสินคดีความใดก็อาจเกิดการเบี่ยงเบนได้ บ้านเมืองก็ไม่เกิดความสงบสุข"ประธานศาลปกครองสูงสุด แสดงออกอย่างเป็นห่วง

สุดท้าย“ตำรวจศาล”จะเป็นเพียงโอกาสในการเสนอไอเดีย หรือโอกาสที่ตุลาการจะได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสมที่ควรจะเป็น ต้องลุ้นกันต่อไปเหมือนเกมการเมืองที่สร้างความขัดแย้งในปัจจุบันว่า การปฏิรูปเพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองจะเกิดขึ้นได้จริง หรือเป็นเพียงโอกาสการแสดงออกความเห็น