4เดือนม็อบชีวิตที่เปลี่ยนไปของ'ยิ่งลักษณ์'

4เดือนม็อบชีวิตที่เปลี่ยนไปของ'ยิ่งลักษณ์'

'4เดือนม็อบกำนัน' กับชีวิตที่เปลี่ยนไปของ'ยิ่งลักษณ์'

นับตั้งแต่อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" พลิกบทบาทจากเกมในสภาออกสู่การต่อสู้บนท้องถนน นำมวลชนชุมนุมใหญ่ เริ่มตั้งแต่เวทีสามเสน มีเป้าหมาย "ต่อต้านร่างพระราชบัญญัตนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย" ตั้งแต่ 31 ตุลาคม 2556 ลากยาวข้ามปีมาจนถึงม็อบใหญ่ที่ถูกขนานนามว่า "มวลมหาประชาชน" ภายใต้การนำของคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือ "กปปส." ที่กำนันสุเทพรับบทเลขาธิการ นับเป็นเวลานานเกือบจะ 4 เดือนเต็มเข้าไปแล้ว

ฝ่ายต่อต้านขับไล่อำนาจรัฐ ต้องทุกข์ทน นอนกลางดินกินกลางถนน ผ่านฝน ฝ่าหนาว และกำลังเข้าสู่หน้าร้อน หากอีกฝ่ายที่ตกเป็นเป้าหมายก็หาใช่จะกินร้อนนอนอุ่นได้อย่างแต่ก่อนเก่า

4 เดือนที่ผ่านมา การชุมนุมของม็อบนกหวีด ทำเอาวิถีชีวิตส่วนตัวและวิถีการทำงานของ "นายกฯ ปู" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งก่อนและหลังยุบสภา

"เปลี่ยน" ถึงขนาดที่ว่า บางวันกลับเข้าบ้านพักไม่ได้ โดยต้องย้ายไปพักค้างอ้างแรมในสถานที่ที่เตรียมสำรองไว้อย่างที่เรียกกันว่า "เซฟเฮ้าส์" และรายงานข่าวแจ้งว่าการใช้บริการเซฟเฮ้าส์นี้มีไม่น้อยทีเดียว

เล่ากันว่า "เซฟเฮ้าส์" ของท่านนายกฯ หญิง มีหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดแห่งหนึ่งที่พัทยา โรงเรียนนายร้อยสามพราน และบ้านพักในกองทัพอากาศดอนเมือง

นอกจากที่พักแล้ว ที่ทำงานของ "นายกฯ" ก็ยังต้องย้ายชนิดไม่ซ้ำทาง ไม่วนที่ เพราะขืนเข้าไปนั่งใน "ทำเนียบรัฐบาล" เกรงกันว่าอาจจะไม่ปลอดภัย เพราะบรรดามวลมหาประชาชนคอยอยู่รายรอบ และพร้อมจะไปเยี่ยมไปเยือนอยู่ตลอดเวลา ถึงเข้าได้ แต่ออกไม่ได้ ไม่มีใครยอมให้ผู้นำประเทศเสี่ยงเป็นแน่

ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยก็ต้องปรับใหม่หมด จากเดิมที่เวลาจะเดินทางไปไหนมาไหน ต้องมีขบวนรถให้สมเป็น "หมายเลข 1" ของประเทศ แต่เดี๋ยวนี้เวลาไปไหนต้องหลีกเลี่ยงความเป็นจุดสนใจให้มากที่สุด แม้แต่รถนำขบวนก็ยังไม่ได้ใช้

ย้อนกลับมาสถานที่ทำงาน หากนับเฉพาะช่วงหลังประกาศยุบสภา นายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องเปลี่ยนที่ทำงานหลายแห่ง โดยตอนแรกใช้ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" คล้ายๆ กับทำเนียบชั่วคราว แต่ม็อบก็ไปเยี่ยมไปหาค่อนข้างบ่อย จนกระทั่งปลายปี 2556 จึงเห็น "นายกฯ ปู" ออกอาการป่วยเป็นโรค "ภูมิแพ้กรุงเทพฯ" เดินสายไปตรวจราชการและพบปะชาวบ้านกึ่งๆ ขอคะแนนเสียงในหลายจังหวัดของภาคอีสานและภาคเหนือบางจังหวัด ท่ามกลางการประกาศไล่ล่าของกลุ่มกปปส. หากใครเป่านกหวีดใส่แบบจังๆ ได้จะได้รับรางวัล ช่วงนี้นี่เอง ที่กระแสข่าว "ปฏิวัติ" เริ่มสะพัดหนาหูขึ้นทุกวัน

แม้จะไม่มีรถถังเคลื่อนออกมาบนท้องถนน แต่นายกฯ ก็ไม่รอดพ้นโดน "ดักเป่านกหวีดไล่" ในหลายจุด และถึงแม้จำนวนคนเป่านกหวีดในพื้นที่ที่ลงไปจะมีจำนวนน้อยกว่าคนที่มาตะโกนให้กำลังใจ "ยิ่งลักษณ์สู้ๆ" แต่ก็ส่งผลทั้งด้านจิตใจและการรักษาความปลอดภัย สุดท้ายแผนเดินสายต่อรอบสองหลังปีใหม่จึงมีอันต้องพังพับลงไป

เปิดศักราชใหม่ 2557 กปปส.ยังคงปักหลักสู้ไม่ถดถอย ซ้ำยังมีมาตรการรุกหนักขึ้น ขณะที่ "นายกฯ ปู" ต้องเลือกใช้สถานที่ของกองทัพถึง 3 แห่ง เป็นที่ทำงานและที่นัดประชุม ทั้งห้องประชุมกองบัญชาการกองทัพอากาศ ของกองทัพอากาศ สโมสรทหารบก ของกองทัพบก สลับสับเปลี่ยนเลือกใช้บริการตามสถานการณ์

สถานที่ที่นายกรัฐมนตรี และคณะลงหลักปักฐานยาวนานนับตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม จนถึงขณะนี้ก็คือ "สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (สป.กห.) ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งอยู่ภายในอาณาบริเวณของเมืองทองธานี

การยกขบวนไปประจำที่ สป.กห. ทำเอาข้าราชการประจำที่นั่นตื่นเต้นตั้งตัวไม่ติดนับแต่วันแรก บางคนสอบถามนักข่าวด้วยความมึนงงว่า นายกฯ มาที่นี่จริงหรือและจะมาอีกไหม

แต่หลังจากนั้น สป.กห. ที่เคยเป็นหน่วยทหารที่เงียบสงบกลางเมืองทองธานี ก็ได้รับเกียรติจาก รมว.กลาโหม เข้ามาใช้ห้องทำงานและห้องประชุมทุกวัน จนข้าราชการไม่ต้องถามอีกว่า "นายกฯ จะมาอีกไหม"

และเมื่อนานเข้า สป.กห. หัวกระไดเริ่มไม่แห้ง เมื่อมีมวลชนทยอยเดินทางมาหาถึงแนวรั้วลวดหนามหน้าสำนักงาน ทั้ง กปปส.ทั้งทัพเล็กทัพใหญ่มากดดันไม่ให้ใช้ที่นี่เป็นที่นั่งทำงานถึง 3 ครั้ง 3 ครา นี่ยังไม่รวมถึงกลุ่มชาวนาทั้งมาทวงเงินจากโครงการรับจำนำข้าวและชาวนาที่มาให้กำลังใจแวะเวียนมาหาอยู่เรื่อยๆ

และล่าสุด? "สุเทพ" ลุยเอง แถมเข้ามานั่งคุยกับนายทหารที่ดูแล สป.กห.ถึงในตึก ได้ฝากข้อความไปถึง "ปลัดกระทรวงกลาโหม" ว่า "ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ยังมาทำงานที่นี่ พวกผมก็จะมาล้อมที่นี่ทุกวัน และถ้ายังคงมาอีกก็จะย้ายเวทีมาปักหลักตั้งเวที 24 ชั่วโมงที่นี่"

ดังนั้น จึงเป็นความลำบากใจไม่น้อยของเจ้าของสถานที่และคนขอใช้สถานที่ สป.กห. เพราะอย่าลืมว่า แม้ที่นี่เป็นหน่วยทหารก็จริง แต่ไม่มีรั้วรอบขอบชิดเหมือนที่อื่น ในทางกลับกันพวกเขาต้องทำใจรอต้อนรับมวลชนอยู่ทุกวี่ทุกวัน

ในอนาคตหากมองในมิติเรื่อง "การรักษาความปลอดภัย" ที่อาจจะต้องตัดสินใจไม่ใช้ที่ "สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม" เป็นที่ทำงานอีก "นารีขี่ม้าขาว" และรัฐบาลรักษาการจะตัดสินใจไปไปนั่งทำงานอีก ณ ที่แห่งใด นั่นยังเป็นปัญหาให้ทีมงานต้องขบคิด

ส่วนการปรากฏตัวในระยะหลังของนายกฯ จะออกสู่สายตาของสังคมเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น แม้แต่ "นักข่าวตามนายกฯ" ก็ยังไม่มีโอกาสมากนัก เพราะใน สป.กห. ได้สั่งการห้ามสื่อมวลชนไปไหนมาไหน ให้อยู่เฉพาะในจุดที่กำหนดไว้เท่านั้น ภารกิจประจำวันของนายกรัฐมนตรีจึงกลายเป็น "ความลับ" ไปโดยปริยาย ซ้ำร้ายยัง "ลับ" ถึงขนาด จุดขึ้นลงรถก็ไม่มีผู้ใดได้พบเห็นเงา หากจะจับสัญญาณความเคลื่อนไหวได้บ้าง ก็เป็นเฉพาะเมื่อได้รับการประสานมาเท่านั้น

หรือแม้แต่ทีมข่าวติดตามการตามขบวนนายกรัฐมนตีก็ไม่สามารถทำหน้าที่ได้เหมือนปกติ กำนันสุเทพที่ประกาศหลายครั้งหลายครา จะใช้มาตรการเด็ดขาด ไล่ล่านายกฯ ปูยังมึนเศียรเวียนเกล้ากับยุทธวิธีอำพรางแฝงกายของผู้นำหญิง

ล่าสุด เฟซบุ๊กของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ยืนยันการดำรงอยู่ของเธอผ่านการโพสต์จดหมายน้อยไปยัง "วิชา มหาคุณ" แห่งป.ป.ช. หากแต่สำบัดสำนวนของนักกฎหมายในถ้อยความตัดพ้อนั้น ยังเป็นที่กังขาว่าเธอลิปซิงเช่นว่า

"การรับฟังพยานหลักฐานในเรื่องที่มีการกล่าวหาอย่างเพียงพอ แม้ไม่สิ้นกระแสความในขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหา"

ถูกมาตรการไล่ล่าหนักเข้า สุดท้ายแล้ว "นายกฯ ปู" จะไปอยู่ที่ใด หรือว่าต้องหาหลังพิงด้วยการกลับเชียงใหม่อีกครา ประชาชนทั้งหลายคงเฝ้าติดตามกันด้วยใจระทึก ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากองทัพประชาชนของกำนันสุเทพ