ชี้'ไอเอ็มเอฟ'เตือนนโยบายรัฐเพิ่มหนี้สาธารณะ

ชี้'ไอเอ็มเอฟ'เตือนนโยบายรัฐเพิ่มหนี้สาธารณะ

"อภิสิทธิ์"ระบุ"ไอเอ็มเอฟ" เตือนไทยไม่เปลี่ยนนโยบาย กระทบหนี้สาธารณะ สูงกว่า50%ต่อจีดีพี

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ถึงกรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( IMF ) เตือนรัฐบาลไทยเรื่องโครงการรับจำนำข้าวว่า อาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยเสียหายว่า ไอเอ็มเอฟ ประเมินว่า ภายในปี ค.ศ.2018 ก็คือ 2561 หนี้สาธาระต่อรายได้ประชาชาติ IMF ประเมินว่าน่าจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 53 ซึ่งสูงกว่าร้อยละ 50 แล้วก็สูงกว่าเป้าหมาย โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศคำนวนตัวเลขนี้จาก สมมติฐานก็คือดูนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน ประเมินในกรณีที่ภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างจะไปในทางบวก ทั้งเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย

ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ทำให้เกิดความเป็นห่วงว่า ถ้าจะทำได้ตามแผนที่รัฐบาลพูดว่าไม่เกินร้อยละ 50 ต้องทำ 2 อย่าง ก็คือเพิ่มรายได้หรือลดรายจ่าย เช่น เรื่องจำนำข้าวนั้นเขาก็ระบุชัดว่า เห็นด้วยที่จะให้ช่วยเกษตรกร แต่เขาบอกวิธีการนี้มันเป็นวิธีการ ซึ่งขณะนี้คนขาดความมั่นใจเพราะขาดทุนเยอะ แล้วก็มองไม่เห็นว่าการขาดทุนจะลดลงได้อย่างไร เขาก็เสนอว่า การให้เงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรที่ยากจนโดยตรง มันเป็นวิธีการที่ดีกว่า

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เขามองว่าถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบาย ไม่น่าจะสามารถทำให้หนี้สาธารณะอยู่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ได้ เขาประเมินว่าจะไปถึงร้อยละ 53 ใน 5 ปีข้างหน้า แล้วเขาก็ชี้เป้าว่า อย่างน้อยตัวนึงที่จะต้องจัดการคือโครงการจำนำข้าว แต่เขาก็ยังไม่เชื่อว่าจัดการกับเรื่องนี้แล้วเพียงพอ

ส่วนรายงานของ IMF ครั้งนี้จะมีผลกระทบอะไรต่อสถานะความเชื่อมั่นในสายตาชาวต่างชาติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในระยะเฉพาะหน้าอาจจะยังไม่มาก เพราะต้องยอมรับว่าสิ่งที่เขาวิพากษ์วิจารณ์ขณะนี้นั้น เขากำลังพูดถึงสถานะทางการคลัง ในระยะปานกลาง เรากำลังพูดถึงประมาณ 3 - 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากรัฐบาลเอง ก็มีการระบุเป้าหมายว่าใน 5 ปีข้างหน้านี้จะทำให้งบประมาณสมดุล จะยืนยันไม่ให้หนี้สาธารณะเกิน 50% สิ่งที่ IMF เขาบอกขณะนี้ก็คือว่า เดินไปอย่างนี้ เดินอย่างที่เดินอยู่นี้ มันไม่น่าจะทำได้ แต่ว่ายังไม่ได้ถึงขั้นที่ว่าต้องตกอกตกใจ ตื่นตระหนกอะไรกันทั้งสิ้น เพราะว่ามันก็ยังไม่ใช่ประเด็นที่จะเกิดขึ้นวันนี้ พรุ่งนี้ แต่ว่าแน่นอนครับ การที่เขามองอย่างนี้ ก็เป็นการยืนยันการประเมินของนักวิชาการที่ออกมาพูดซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าว่า ภาระการขาดทุนเรื่องนี้มันจะสะสมและมันน่ากลัว" ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าว