ทีมสู้คดีพระวิหารลงพื้นที่ภูมิซรอลแจงปชช.

"ทีมสู้คดีพระวิหาร"ลงพื้นที่ภูมิซรอล ชี้แจงชาวบ้าน ชาวบ้านนอนไม่หลับกลัวบ้านตกเป็นของกัมพูชา
คณะผู้แทนของกองบัญชาการกองทัพไทย และกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางมายังโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อชี้แจงแนวทางของรัฐบาลและเตรียมความพร้อมรองรับคำตัดสินของศาลโลก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว จากนั้นได้ไปเยี่ยมบ้านของนางสัมฤทธิ์ แก้วสง่า ในหมู่บ้านภูมิซรอล หมู่ที่ 13 ซึ่งเป็นบ้าน 1 ใน 2หลังที่ถูกระเบิดตกใส่จนไฟไหม้ทั้งหลังเมื่อปี2554
ทั้งนี้ นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์หลังการลงพื้นที่ ว่า การลงพื้นที่ร่วมกับทหารและผู้ว่าราชการจัหวัดศรีสะเกษในวันนี้(5 พ.ย.) มีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เคยได้รับผลกระทบหากเกิดเหตุไม่สงบขึ้น เพราะสถานการณ์ในวันนี้ กับเมื่อ 2ปีที่แล้วแตกต่างกัน โดยได้ยืนยันกับประชาชนว่าหลังศาลโลกอ่านคำพิพากษาวันที่ 11 พ.ย.นี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจะสามารถรักษาความสงบตลอดแนวชายแดนได้ เพราะผู้นำของทั้ง 2ประเทศมีความตั้งใจที่จะไม่ให้ผลคำตัดสินส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในภาพรวม และขณะนี้ได้มีการกำหนดกลไกที่จะใช้ในการพูดคุยเจรจาร่วมกันต่อไปแล้ว อีกทั้งทหารยังได้สั่งการกำลังผลแล้วว่าให้ยึดหลักสันติวิธี ถ้ามีอะไรก็ให้สอบถามพูดจากันก่อน กลไกต่างๆที่เกี่ยวข้องได้ถูกวางไว้พร้อมแล้ว ไม่ว่าก่อนหรือหลังวันที่ 11พ.ย. กลไกเหล่านี้พร้อมที่จะทำงานและรักษาความสงบเรียบร้อยตลอดแนวชายแดนทั้ง 2ประเทศได้
เมื่อถามถึงกลุ่มคนที่คาดว่าจะมาเคลื่อนไหวในพื้นที่ ในวันดังกล่าว นายณัฏฐวุฒิ กล่าวว่า ฟังจากการข่าว ก็คงมีบ้าง แต่ทั้งหมดนั้นหน่วยงานความมั่นคงได้ติดตามสถานการณ์อยู่ และจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุใดๆขึ้น อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวใดๆถ้าอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่สร้างความเดือดร้อนต่อส่วนรวม ก็ไม่น่าจะมีปัญหา
ด้านนางสัมฤทธิ์ กล่าวว่า ลึกๆแล้วก็ยังรู้สึกกลัว แต่ก็มีความมั่นใจมากขึ้น และตนยืนยันว่าจะอยู่ที่บ้านในวันที่ 11 พ.ย.นี้แน่นอน เพราะเห็นข่าวว่าฝ่ายไทยและกัมพูชามีการเจรจากัน ขณะที่ในพื้นที่มีเจ้าหน้าที่มาพูดคัยทำความเข้าใจ ก็ทำให้รู้สึกปลอดภัย ทั้งนี้ไม่ว่าศาลโลกจะตัดสินอย่างไร อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายปรองดองกัน เพราะถ้ารบกันก็มีแต่เสียทั้ง 2 ฝ่าย
ขณะที่นางหงส์ สารบูร อายุ 82 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล หมู่ที่ 13 ซึ่งเป็นผู้ประสบเหตุระเบิดตกใส่บ้านเมื่อปี 2554 เช่นกัน ได้ร้องทุกข์กับนายวีรชัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าคณะต่อสู้คดีที่ประเทศกัมพูชายื่นต่อศาลโลกตีความคำพิพากษาของคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปีพ.ศ.2505 ว่า หวังว่าวันที่ 11 พ.ย.นี้ ศาลโลกมีคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ทำให้ตนนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย เพราะเกรงว่าวันดังกล่าวบ้านยังเป็นของตน แต่วันรุ่งขึ้นบ้านจะเป็นของกัมพูชา ตนอยู่คนเดียว แต่ยืนยันว่าจะไม่หนีไปไหน เพราะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก สุดท้ายไม่ว่าที่ดินตรงนี้จะเป็นของใคร ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ด้านนายวีรชัย กล่าวว่า ขอให้คุณยายสบายใจและนอนหลับสนิททุกคืน ไม่มีเรื่องอย่างที่เกรงกลัว เพราะพื้นที่หมู่บ้านนี้ไม่เป็นของกัมพูชาอย่างแน่นอน




