แฉรัฐประหาร19ก.ย.เผด็จการอ่อนจัดรั้งปชต.

แฉรัฐประหาร19ก.ย.เผด็จการอ่อนจัดรั้งปชต.

เสวนาเบื้องหลังรัฐประหาร 6 ตุลาฯ 2519 เผด็จการขวาจัดไล่เข่นฆ่ายึดอำนาจ ขณะที่19กันยาฯ2549 เผด็จการอ่อนจัดฉุดปชต.ไทยลงคลองดิ่งเหว 5,000 ปี

จัดเสวนา "เบื้องหลังรัฐประหาร 6 ตุลา 19 ถึง 19 กันยา 49 สำเนาถูกต้อง" โดยมีนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล) และประธานคณะกรรมการ 14 ตุลา เพื่อประชาธิปไตย พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรอง ผบ.ตร. และนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ อดีตนักวิชาการอิสระ ร่วมดำเนินการเสนาวิพากษ์เบื้องหลังการทำรัฐประหารในอดีต

นายจรัล กล่าวว่า เหตุการณ์รัฐประหาร 2 ครั้ง ที่เกิดขึ้น ได้อ้างว่า มีคนจาบจ้วงหมิ่นสถาบัน ในการทำรัฐประหารที่เกิดขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ทางกลุ่มนิสิตนักศึกษาถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมถือเป็นการเข่นฆ่าหมู่คนจำนวนมากด้วยการเข้าปราบปรามแล้วจึงค่อยมีการทำรัฐประหารเป็นการกระทำที่ผิดปกติของการรัฐประหารที่มักรัฐประหารก่อนจึงเข้าไปทำการปราบปราม ซึ่งการรัฐประหารครั้งนั้นก็เป็นการกระทำโดยกลุ่มที่มีลักษณะขวาจัดแล้วระบุวางแผนว่า จะมีการสร้างประชาธิปไตยให้ประเทศไทยเป็นระยะเวลายาวนาน 12 ปี ต้องยอมรับว่า คนที่คิดแผนการให้จอมพลถนอมบวชเป็นเณรเข้ามาก่อนเกิดการฆ่าเก่งมาก เพราะรู้ว่า คนไทยส่วนใหญ่เป็นคนที่นับถือศาสนาพุทธจะไม่มีการไปต่อว่าพระหรือเจ้า

ขณะที่การรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 ยังไม่ได้มีการฆ่ากันก็ได้ทำการรัฐประหารขึ้นมีลักษณะเป็นเผด็จการแบบอ่อนๆ เห็นได้ชัดว่า หลังรัฐประหารทางแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ได้มีการชุมนุมยืดเยื้อทันที่เป็นระยะเวลา 75 วัน โดยกลุ่มแรกที่ชุมนุมเป็นกลุ่มของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ แล้วจึงมีกลุ่มอื่นๆตามมา

"การรัฐประหารที่ผ่านมาล้วนอ้างว่า เพื่อปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ การรัฐประหารในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 มีความเหมือนกัน แต่ความแตกต่างกันการรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 เกิดขึ้นปัญญาชนคนชั้นกลางส่วนใหญ่เห็นด้วย มีกระบวนการสร้างความชอบธรรมให้เกิดขึ้น แต่ก็ทำให้ฉุดประเทศไทยล้าหลังไปเป็นเวลา 5,000 ปี และผลพ่วงรัฐประหารที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็ต้องจบตามลงไปด้วย"นายจรัล กล่าว

ด้านพล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นเบื้องหลังของการรัฐประหาร ตนมองว่า เป็นเรื่องของสื่อเลือกข้าง เช่นเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 มีหนังสือพิมพ์ดาวสยามและวิทยุยานเกราะ ส่วนเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้นำเอาสื่อเอเอสทีวีนำเสนอตลอด 24 ชั่วโมง ตรงนี้ได้ผลมากเข้าถึงก้นครัวจะฟังเมื่อไหร่ก็ได้ โดยมีฝ่ายที่ต้องการอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ต้องดูว่า ฝ่ายทหารอยู่ด้านไหนจะทำให้ฝ่ายนั้นได้เปรียบทันที

"ผมมองว่า วงจรอุบาทการรัฐประหารมันจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ตอนลงท้ายของการรัฐประหารจะไม่เหมือนกัน การแก้ต้องใช้หลักศาสนาพุทธที่ต้องแก้ที่ต้นเหตุเหมือนหนามยอกต้องเอาหนามบ่งออก ดังนั้นกระบวนการประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นได้กระบวนการยุติธรรมต้องปลอดจากการชี้นำจากตัวบุคคลหรือตัวอักษร อย่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่เกิดขึ้นต้องชมเชยคณะที่ทำกฎหมายขึ้นมาแตะต้องอะไรก็ไม่ได้ เกิดประโยชน์ต่อคณะบุคคล ขณะเดียวกันก็เกิดการจองจำบางคนตามขึ้นมา"อดีตรองผบ.ตร. กล่าว

ขณะที่นายศิโรตม์ กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตการรัฐประหารของไทยเกิดขึ้นทุกๆ 20 ปี แต่สิ่งที่น่าสนใจของการทำรัฐประหารอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้คนฆ่ากันได้เห็นเป็นเรื่องปกติแล้วยังไม่มีคนต้องมารับผิดชอบ ดังนั้นเรื่องนี้เป็นปรากฎการณ์ที่แปลกของสังคมไทย ถ้าไปดูเหตุการณ์รัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519 หรือ 19 กันยายน 2549 มีบางคนที่เห็นด้วยกับการออกใบอนุญาตการฆ่าคนได้ เพราะมีความต้องการให้มีประชาธิปไตย ส่วนคนที่ทำรัฐประหารก็ชอบพูดว่า ตนเป็นพวกที่ทำให้ประชาธิปไตยดีขึ้นหรือพูดง่ายๆ เป็นพวกที่ปล้นประชาธิปไตยได้สำเร็จแล้วดึงทุกอย่างไปอยู่ในมือเล่นเกมเกาะประชาธิปไตย