ชี้แก๊งล่าเสือป่าตะวันตกโยงค้าสัตว์ข้ามชาติ

จากกรณีการปะทะกันสนั่นป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออก อ.อุ้มผาง จ.ตาก ระหว่างเจ้าหน้าพิทักษ์ป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร กับแก๊งล่าสัตว์ป่าชาวไทยภูเขาที่เข้ามาล่าเสือโคร่ง จนทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต2 ราย บาดเจ็บสาหัส 2 ราย และพรานป่าเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งแม้ว่าจะสามารถจับกุมพรานชาวม้งได้เพิ่มอีก 2 ราย แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมขยายผลสาว ถึงแหล่งรับซื้อซากเสือโคร่งจากประเทศที่สาม

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยความคืบหน้าว่าหลังจากสามารถจับกุมพรานล่าเสือได้แล้ว 2 ราย และมีการลงพื้นที่หมู่บ้านชิบาโบ อ.พบพระ จ.ตาก เพื่อกดดันพรานอีก 2 รายที่ยังหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ โดยได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ของชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งตั้งด่านตรวจทางเข้าออกพื้นที่อุ้มผางทุกจุดเพื่อสกัดไม่ให้คนร้ายหนีออกนอกประเทศ ขณะเดียว กันการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทััั้ง 2 รายทางกรมอุทยานฯ ได้รับการประสานศาลจังหวัดแม่สอดว่าจะขอนำคดีของผู้ต้องล่าเสือโคร่ง นำร่องกระบวนการพิพากษาแบบใหม่โดยเมื่อมีการฟ้องแล้วจะสืบพยานเลย เพื่อให้การพิพากษาเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ดึงบก.ปทส.สาวถึงนายทุน-แหล่งซื้อ

รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ขณะเดียวกันยังได้ประสานเบื้องต้นกับทีมพล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน (สป.10) ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อจัดส่งทีมสะกดรอยลง พื้นที่หาข่าว รวมทั้งจะขอความร่วมมือกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม(บก.ปทส.) ช่วยขยายผลทางคดีแล้ว เนื่องจากคาดว่าการล่าเสือในเขตป่าห้วยขาแข้ง-ทุ่งใหญ่จะเป็นขบวนการใหญ่ ที่เชื่อมโยงกับขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติและส่งขายเสือและสัตว์ป่าไปยังประเทศที่สาม

3 กลุ่มพรานล่าเสือในป่าตะวันตก

"จากข้อมูลพบว่าแก้งค์ล่าเสือในป่าห้วยขาแข้ง-ทุ่งใหญ่มี 3 กลุ่มๆแรกคือนายหน่าย แซ่ท้าว ชาวเวียดนาม ที่ถูกจับ และดำเนินคดีไปแล้วเมื่อปี 2553 และกลุ่มที่2 คือพรานชาวม้งจาก อ.พบพระ ที่เพิ่งจับได้แล้ว 2 รายคือนายคะนึง แซ่ม้า ส่วนกลุ่มที่ 3 ยังไม่ทราบชื่อ แต่เป็นชาวไทยภูเขาในประเทศไทย โดยกลุ่มคนพวกนี้จะเชื่อมโยงกับเครือข่ายค้าสัตว์ป่าให้กับประเทศที่ 3 ซึ่งอยู่ในบัญชีการลักลอบค้าขายสัตว์ป่าที่ถูกองค์กรด้านสัตว์ป่าขึ้นบัญชีไว้ อาทิ เวียดนาม จีน เป็นต้น ดังนั้นทางกรมอุทยานจึงต้องให้บก.ปทส.เข้ามาช่วยขยายผลทางคดีเพื่อให้สาวถึงนายทุนจากปลายทางและเครือข่ายกลุ่มอื่นๆ และพรานล่าเสือที่ยังไม่สามารจับกุมได้ในตอนนี้" " นายธีรภัทร กล่าว

เส้นทางล่าใช้ช่องทางด่านเสือหากิน

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรานล่าเสือกลุ่มนี้ล่าเสือเพื่อเอาซากหรือขายเสือให้กับสวนสัตว์ รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการสอบสวนเขาอ้างว่าล่าเสือเพื่อนำกระดูก เขี้ยว ชิ้นส่วนและอวัยวะเพศเสือตัวผู้ไปขายในกิโลกรัมละ 2 แสนบาท ส่วนหนังขายผืนละ 2-3 หมื่นบาทให้กลุ่มนายทุนจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยพรานกลุ่มนี้ค่อนข้างมีความชำนาญพื้นที่ป่าตะวันตกมาก เข้ามาล่าสัตว์ป่าทุกชนิดทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ซึ่งที่เราพบหลักฐานจากพรานชาวม้งมีทั้งอุ้งตีนหมี หมูป่า เก้ง ค่าง ลูกชะนีมือขาว รวมทั้งเสือโคร่ง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีรายงานเสือโคร่งถูกฆ่าในป่าตะวันตกประมาณ 5 ตัวแล้ว ขณะที่เราเก็บสถิติเสือโคร่งในบริเวณนี้มีอยู่ไม่เกิน 120 ตัวเท่านั้น

" ขบวนการล่าเสือในป่าทุ่งใหญ่ ห้วยขาแข้ง เขาจะนัดกลุ่มพราน เอาปืน และกระสุนเข้ามาทิ้งไว้ในป่าก่อน โดยหลบเลี่ยงซุกมากับรถขนผลผลิตทางการเกษตร จากนั้นตัวคนจึงจะค่อยๆลัดเลาะเลี่ยงด่านเจ้าหน้าที่กลับเข้ามาล่าเสือ และสัตว์ป่าคราวละหลายๆวัน โดยวิธีการล่าเสืจะใช้การยิงสัตว์ที่เป็นเหยื่อมาวางยาเบื่อ เพื่อล่อเสือให้มากิน และเอากระดูก เขี้ยว หนังเสือออกไปขาย แต่รอบนี้เจอเจ้้าหน้าที่ของกรมอุทยานเสียก่อน จึงจะกลับออกจากป่านำเอาพวกค่างส้มและเนื้อเก้ง ออกมาขายก่อนแล้วค่อยย้อนกลับมาล่าเสืออีกครั้ง แต่เกิดการปะทะและถูกจับได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการจัดชุดลาดตระเวน เพื่อคุ้มครองเสือโคร่ง รวมทั้งเตรียมตั้งหน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งใหญ่-อุ้มผาง และเขตห้วยขาแข้งเพิ้มอีก 6 จุดเป็นหน่วยพิทักษ์ป่าถาวร"

ยันไม่ถูกเวทีต่างชาติ

เมื่อถามว่าการจับแก้งค์ล่าเสือในป่าตะวันตก จะกระทบภาพลักษณ์ที่ไทยประกาศเป็นผู้นำอนุรักษ์เสือโคร่งระดับโลกหรือไม่ นายธีรภัทร กล่าวว่า การล่าเสือโคร่งตามธรรมชาติเกิดขึ้นใน13 ประเทศทั่วโลกที่ยังมีประชากรเสือเหลืออยู่ แต่กรณีนี้มีผลเชิงบวกกับประเทศไทย เพราะน่ายินดีว่าไม่มีเสือตาย แต่ยังได้ตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งองค์กรระหว่างประเทศรับทราบเรื่องนี้ดี ส่วนเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตจากการทำงานครั้งนี้นอกจากความช่วยเหลือจากทส. แล้ว มีข่าวดีว่าทางองค์กรพิทักษ์ป่าโลกยังมอบเงินสนับสนุนให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของไทยอีกรายละ 3 หมื่นบาท และทางกรมอุทยานฯเตรียมมอบประกาศนียบัตรให้กับเจ้าหน้าที่และครอบครัว เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ