รองผบช.น.สั่งสอบ'ขวัญชัย'แต่งเครื่องแบบตร.

รองผบช.น.สั่งสอบ'ขวัญชัย'แต่งเครื่องแบบตร.

"พล.ต.ต.ปริญญา"สั่งตรวจสอบ"ขวัญชัย"แต่งเครื่องแบบตำรวจสังกัดตำรวจภูธร จ.อุดรฯ ด้านผบช.ภาค4แจงไม่ใช่เครื่องแบบตร.คุมฝูงชน

พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช.น.รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงสั่งการให้ฝ่ายสอบสวนตรวจสอบรูปภาพนายขวัญชัย ไพรพนา ใส่ชุดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลปักชื่อ"ขวัญชัย สารคำ"สังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรจ.อุดรธานี ตามที่มีการโพสต์ลงอินเตอร์เน็ตพร้อมระบุว่า หากใส่จริงถือว่าเป็นการใส่เครื่องแบบเจ้าพนักงานโดยไม่ได้รับอนุญาตและแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความผิดตามกฎหมายชัดเจนโดยจะสั่งการให้ดำเนินคดีในทันที ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าภาพนี้ถ่ายวันนี้หรือตอนไหนช่วงที่เข้าไปในรัฐสภาหรือไม่

ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเนื่องจากภาพที่ปรากฎนั้นนายสุริยะใส กตะศิลาเป็นผู้โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวข้อความว่า “Cr สำนักข่าว EP ขวัญชัย ใส่ชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่า “ไม่ผิดกฎหมาย” เพราะไม่ได้ติดยศ !!! Oh my godggg!!! เดี๋ยวบอกให้สส.พรรคประชาธิปัตย์หาใส่บ้าง จะได้ฝ่าด่านตำรวจไปง่ายๆ เหมือน”ขวัญชัย” ยกนิ้วให้ “ไอเดียเจ๋ง” โดยข้อความและภาพดังกล่าวโพสต์ไว้เมื่อเวลา 13.21 น.วันที่ 7 ส.ค.2556

แจง"ขวัญชัย"แต่งชุดอส.ตร.ไม่ใช่เครื่องแบบตำรวจ

จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแต่งชุดเครื่องแบบคล้ายตำรวจควบคุมฝูงชนของนายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา และไปเดินปะปนในกลุ่มตำรวจที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า การแต่งชุดของนายขวัญชัย เป็นการนำเอาเครื่องแบบ อาสาสมัครตำรวจ (อส.ตร) สังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานีมาใส่ ไม่ใช่เครื่องแบบของตำรวจที่ติดยศตำแหน่ง ซึ่งสีชุด อส.ตร.ของโรงพักเมืองอุดรธานีมีสีที่ค่อนข้างคล้ายกับสีของชุดควบคุมฝูงชน

ส่วนข้อกำหนดระเบียบวิธีปฏิบัติในการแต่งเครื่องแบบ อส.ตร.นั้น ก็ไม่ได้มีข้อจำกัด ไม่ได้มีกฎหมายเอาโทษ แต่ต้องมีความเหมาะสมสวมใส่ในงานที่ได้รับมอบหมายหรืออยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสม สำหรับการควบคุมฝูงชนที่หน้าอาคารรัฐสภา กำลัง อส.ตร.ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 4 ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเข้าปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนใน กทม. มีเพียงกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนของภาค 4 ได้เดินทางเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพจำนวน 7 กองร้อย ยกเว้นจังหวัดอุดรธานีและหนองบัวลำภูที่ไม่ได้เข้าไปเนื่องจากอยู่ระหว่างอารักขาพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาฯ .