นายกฯสั่งผู้ว่าฯสระแก้วพัฒนาเมืองพลังงาน

นายกฯลงพื้นที่สระแก้ว สั่งผู้ว่าฯพัฒนาจังหวัดให้เป็นเมืองพลังงานสะอาด สั่งปรับปรุงระบบตม.ให้ใช้แบบเดียวกับสุวรรณภูมิ
ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการการตรวจเยี่ยมพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดสระแก้ว โดยนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวบรรยายสรุปสถานการณ์เศรษฐกิจชายแดนจังหวัดสระแก้ว ว่า ในปี 2553 จังหวัดสระแก้วมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัด 37,989 ล้านบาท มีอัตราการขยายตัวเท่ากับร้อยละ 4.06 ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 69,091 บาท คิดเป็นลำดับที่ 8 ของภาคตะวันออก และเป็นลำดับที่ 51 ของประเทศ จังหวัดสระแก้วมีโครงสร้างเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับภาคการเกษตร โดยในปี 2553 มีมูลค่าเท่ากับ 10,601 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 (9,557 ล้านบาท) จำนวน 1,044 ล้านบาท สาขาการผลิตที่สำคัญคือ สาขาการเกษตรกรรมสาขาอุตสาหกรรม และการขายส่ง ขายปลีก ตามลำดับ มีพื้นที่การเกษตร 2,340,093 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 52 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้าวนาปี มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อยโรงงาน และปาล์มน้ำมัน ทำให้จังหวัดสระแก้วมีโอกาสในการแปรรูปอาหารสัตว์ และพลังงานทดแทนมากกว่าจังหวัดอื่นๆ มีการปลูกมันสำปะหลัง มากเป็นลำดับที่ 3 ของประเทศแต่ปริมาณผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงงานแปรรูปเป็นพลังงานทดแทนและอาหารสัตว์ ซึ่งมีอยู่จำนวน 76 โรงงาน จังหวัดจึงได้เน้นนโยบาย เพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังให้เพียงพอต่อความต้องการของโรงงาน เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ในการเป็น “ถิ่นพืชพลังงาน” โดยเร่งส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรเพิ่มพื้นที่และเพิ่มคุณภาพและผลผลิตการปลูกมันสำปะหลังและอ้อยให้เพียงพอต่อความต้องการ เพื่อตอบสนองการกำหนดจุดยืนทางการพัฒนา (Positioning) ในการเป็น “เมืองแห่งพืชพลังงาน” (Energy Green City)
นายภัครธรณ์ กล่าวว่า จังหวัดสระแก้วมีทำเลที่ตั้งและสภาพทางภูมิศาสตร์เหมาะสมเป็นศูนย์กลางทางด้านการค้า การขนส่งเชื่อมโยงภูมิภาคต่างๆ และประเทศในแถบอินโดจีน จึงกำหนดจุดยืนทางการพัฒนาเป็น “เมืองการค้าชายแดนและศูนย์กลางโลจีสติกส์” เพื่อเชื่อมโยงกับจุดยืนทางการพัฒนาของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง ที่จะก้าวสู่การเป็น “ประตูสู่การค้าโลก” (Gateway to the World) ซึ่งมีมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชามากสูงสุดจากทั้ง 7 จังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชา โดยในปี 2555 มีมูลค่าการค้าชายแดน รวมทั้งสิ้น 52,511.62 ล้านบาท (เป็นการส่งออก 45,859.46 ล้านบาท และนำเข้า 6,652.16 ล้านบาท) ได้ดุลการค้า 39,207.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 จำนวน 13,329.43 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.02 สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ อะไหล่รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์สำหรับรถจักรยายนต์ อาหารสัตว์ สุกรมีชีวิต และปูนซิเมนต์ สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ มันสำปะหลัง เศษเหล็ก ไอโซแทงค์ เศษอลูมิเนียม และเศษทองแดงพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า เพื่อให้การพัฒนาจังหวัดสระแก้ว บรรลุเป้าหมายการพัฒนา ตามวิสัยทัศน์ และจุดยืนในการพัฒนาให้เป็น “เมืองแห่งพืชพลังงาน” (Energy Green City) และ“เมืองการค้าชายแดนและศูนย์กลางโลจิสติกส์” (Border Trade & Logistics Center City) เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพยกระดับรายได้ คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในจังหวัดให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของจังหวัดเพื่อขยายโอกาสด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ทั้งในประชาคมอาเซียน และประชาคมโลก จังหวัดสระแก้วจึงขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนจังหวัดสระแก้วให้เป็นไปตามทิศทางการพัฒนาดังกล่าว ดังนี้ 1.โครงการจัดสร้างศูนย์กระจายสินค้าพืชพลังงาน งบประมาณ 59,900,000 บาท 2.โครงการก่อสร้างตลาดกลางสินค้าเกษตรอำเภอวังสมบูรณ์ งบประมาณ 25,000,000 บาท และ 3.โครงการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตพืชพลังงาน (มันสำปะหลัง) งบประมาณ 17,590,280 บาท
นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่ง ว่า ยุทธศาสตร์จังหวัดถือว่าชัดเจนโดยเฉพาะเรื่องของโลจิสติกส์ เพราะถือเป็นโจทย์ของรัฐบาลที่อยากเห็นแต่ละจังหวัดจัดทำยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนเพื่อให้แผนการพัฒนาสอดคล้องกันกับยุทธศาสตร์ประเทศ ส่วนปัญหาแหล่งน้ำนั้นถือว่าเป็นปัญหาสำคัญของจ.สระแก้ว โดยจะให้ทางคณะกรรมหารบริหารจัดการน้ำ หรือ กบอ.เข้ามาดูแล โดยตนขอเสนอให้จัดโซนนิ่งแหล่งน้ำเพื่อจัดทำการเกษตรโดยเฉพาะการปลูกพืชพลังงาน เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่ครบวงจร ซึ่งจะให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)ประสานงานไปยังกระทรวงพลังงานเพื่อศึกษาหาแนวทางร่วมกัน เพื่อให้เป็นแหล่งผลิตพลังงานทดแทนเพื่อใช้ในจังหวัดและพัฒนาไปสู่การส่งออกต่อไป
"รัฐบาลต้องการให้แต่ละจังหวัดกำหนดยุทธศาสตร์ของตัวเองให้ชัดเจน ซึ่งขอชื่นชมจังหวัดสระแก้วที่สามารถกำหนดยุทธศาสตร์ค่อนข้างชัดเจนประสานกับกระทรวงพลังงานพัฒนาให้จังหวัดสระแก้วเป็นจังหวัดพลังงานสะอาด โดยขอให้ดูแบบครบวงจร เพื่อเป็นจังหวัดต้นแบบและต่อยอดในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ส่วนเรื่องโลจิสติกส์ก็จะมีการพัฒนาให้เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งกัมพูชา และเวียดนาม และมีการพัฒนาสินค้าแบรนด์ต่างๆของไทยเพื่อส่งจำหน่ายไปต่างประเทศ"







