'สุขุมพันธุ์'น้ำตาซึม ขอโอกาสสานงานต่อ4ปี

"สุขุมพันธุ์"น้ำตาซึมโค้งสุดท้าย วอนขอโอกาสสานงานต่อ 4 ปี ลั่นทำงานเพื่อคนกรุง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หมายเลข 16 แถลงเปิดใจที่พรรคประชาธิปัตย์ก่อนการเลือกตั้งวันที่ 3 มีนาคม โดยมีแกนนำพรรค ส.ส. ส.ก. ร่วมงานอย่างคึกคัก ว่า ตนได้เชิญทุกตนมาในวันนี้เพื่อเปิดอกว่าใจตนหล่อแค่ไหน และอยากพูดความในใจบางเรื่องให้ประชาชนประกอบการพิจารณา ขอขอบคุณประชาชนที่ให้โอกาสทำงานในตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. 4 ปีที่ผ่านมา และขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ให้โอกาสได้ลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ตนจะทำงานให้ดีที่สุดหากมีโอกาสอีก 4 ปีข้างหน้า ที่ผ่านมางานที่ทำมา 4 ปีที่ผ่านมาเป็นความฝันอันสูงสุด ถ้าจะหยุดหายใจนาทีนี้คิดว่าชีวิตของตนก็คุ้มค่าที่ได้ทำงานรับใช้คนกรุงเทพฯ
"ผมได้ไปเมืองนอกตั้งแต่ 10 ขวบ เมื่อกลับมาเมืองไทยครั้งแรกที่ลงที่สนามบินดอนเมือง เห็นกรุงเทพฯอยากร้องไห้ ที่ผ่านมาคนกรุงเทพฯทุกข์จากการเมือง ทุกข์จากน้ำ แต่ตนได้เห็นความสง่างามการมีน้ำใจของคนกรุงเทพฯ เห็นจากเหตุการณ์การทำความสะอาดที่แยกราชประสงค์ทั้งที่รู้ล่วงหน้าไม่กี่ชั่วโมง จึงเป็นความรักของคนกรุงเทพฯ ผมจะไม่ลืมวันนั้น เพราะคนที่รักกรุงเทพฯต้องสร้างกรุงเทพฯด้วยกัน"ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ และมีน้ำตาไหลคลอเป็นระยะ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า 4 ปีที่ผ่านมาตนได้ทำงานอย่างทุ่มเทเสียสละ ซื่อตรง และไม่ย่อท้อกับอุปสรรค ส่วนจะทำงานเข้าตาใครหรือไม่อีกเรื่อง แต่ตนทำงานเกินร้อยในช่วง 4 ปี ขณะเดียวกันต้องขออภัยประชาชน และพรรคประธิปัตย์ หากได้ทำอะไรบกพร่องและไม่ถูกใจใคร รวมถึงไม่ได้ประสัมพันธ์เรื่องต่าง ๆ แต่ตนก็ดีใจในระดับหนึ่งนโยบายที่สัญญาไว้ในปี 2552 ได้ทำไปหมดแล้ว ทั้งเรื่องคอมพิวเตอร์ โรงพยาบาลผู้สูงอายุที่บางขุนเทียน อีกทั้งยังมีการเติมนโยบายอีกหลายเรื่อง อาทิ สนามหลวง หลักสูตรโตไปไม่โกง อาหารเช้าเด็กนักเรียน หรือเอาช้างออกจากกรุงเทพฯ แต่ที่ไม่ได้ประชาสัมพันธ์ เพราะตนไม่ชอบพูด ชอบทำ ถ้าให้เลือกเดิน 10 กิโลเมตร กับเดิน 10 นาที ขอเลือกเดินดีกว่า
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า ไม่ได้เข้ามาเป็นผู้ว่าฯกทม.ตามขั้นตอนปกติ แต่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประสบอุบัติเหตุทางการเมือง จึงเข้ามาแทนเพื่อสานต่อนโยบาย และเมื่อทำแล้วคนอย่างตนไม่อวดดีอวดเก่ง ขณะที่เพื่อนร่วมพรรคประสบอุบัติเหตุทางการเมือง จึงไม่ควรมาร้องรำทำเพลง แต่ควรจะทำสิ่งที่ดีก่อน 4 ปีก่อนหน้าที่ นายอภิรักษ์ได้ทำ เพราะรู้อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ หรือไม่ควรจะร้องเพลง เต้นรำ มีความสุข บนความทุกข์ของคนอื่น ซึ่ง 4 ปีจากนี้ไปก็หวังว่าจะไม่เกิดวิกฤติที่ทำให้งานกทม.ชะลอตัว โดยสิ่งต่าง ๆ ที่นำเสนอไปเป็นนโยบายที่สะท้อนสิ่งที่ต้องการทำ ส่วนหนึ่งจะสานต่อ และขยายผล อีกส่วนจะเริ่มใหม่ แต่ต้องขอฉันทานุมัติจากประชาชน ทั้งเรื่อง โมโนเรล อุโมงค์รอดทางรถไฟ โครงการไม่ป่วยเราดูแล เป็นต้น







