ราชทัณฑ์เด้งรับนโยบายย้ายคุกออกนอกเมือง

ราชทัณฑ์เด้งรับนโยบายย้ายคุกออกนอกเมือง

ราชทัณฑ์เด้งรับนโยบายย้ายคุกออกนอกเมือง รื้อคุกคลองเปรมสร้างรถไฟฟ้า เผยตั้งกรรมการร่วมยุติธรรม-คลัง ขีดเส้นให้มีรูปธรรมชัดภายใน 15 วัน

พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดจะเวนคืนเรือนจำกลางคลองเปรมเพื่อก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้หารือร่วมกับรองปลัดกระทรวงการคลัง เบื้องต้นมีความเห็นให้ตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงยุติธรรม กระทรวงการคลัง และสำนักงานศาลยุติธรรม โดยมีกรมธนารักษ์เป็นเจ้าภาพ เพื่อพิจารณาที่ราชพัสดุซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งเรือนจำที่กระทรวงการคลังต้องการเรียกคืน เช่น เรือนจำกลางบางขวาง และกลุ่มเรือนจำลาดยาว ริมถนนงามวงศ์วาน ซึ่งเป็นเรือนจำที่ตั้งอยู่ในเขตเมือง โดยจะยึดตามแนวมติครม.ปี 2547 ที่กำหนดแนวทางให้ย้ายเรือนจำในเขตเมืองออกไปนอกเมือง ดังนั้นคณะกรรมการร่วมระหว่าง 2 กระทรวงจึงต้องพิจารณาร่วมกันถึงผลกระทบต่างๆ ทั้งในด้านระยะทาง การดูแลผู้ต้องขัง รวมถึงดูแลไม่ให้กระทบต่อเขตอำนาจศาล ที่สำคัญจะต้องพิจารณาด้วยว่ากรมธนารักษ์จะจัดสรรงบประมาณและสถานที่ในการก่อสร้างเรือนจำใหม่อย่างไร เบื้องต้นตั้งใจให้การพิจารณาย้ายเรือนจำมีรูปธรรมชัดเจนภายในเวลา 15 วัน

แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า โดยก่อนหน้านี้ในปี 2547 รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีแนวคิดที่จะย้ายเรือนจำในเขตเมือง ซึ่งปัจจุบันเป็นเขตเศรษฐกิจที่สามารถนำที่ดินมาพัฒนาให้เป็นแหล่งการค้า สร้างรายได้ให้มากกว่าการคงพื้นที่ให้เป็นเรือนจำ จึงมีแนวคิดให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการย้ายเรือนจำกลางบางขวาง และเรือนจำจังหวัดนนทบุรี เพื่อนำไปพัฒนาเป็นแหล่งการค้าสำคัญของจังหวัด โดยให้กรมธนารักษ์ จัดตั้ง บริษัท ธนารักษ์พัฒนาบริหารสินทรัพย์ รับผิดชอบดูแลการจัดหารายได้ รวมทั้งมีความพยายามจะขอใช้ที่ดินด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเปิดเป็นสถานีบริการเชื้อเพลิงปตท. แต่การดำเนินการไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากกรมธนารักษ์ไม่สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างเรือนจำแห่งใหม่ โดยเสนอให้จัดเป็นโครงการคล้ายกับศูนย์ราชการ คือให้กรมราชทัณฑ์เช่าใช้เรือนจำจากบริษัทธนารักษ์ฯ โดยการเข้าใช้พื้นที่กรมราชทัณฑ์จะมีฐานะเป็นผู้เช่าที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของเจ้าของอาคาร และชำระค่าเช่าให้เอกชนเป็นเวลา 30 ปี อาคารจึงจะตกเป็นของทางราชการ